วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2558

ลำดับกษัตริย์ล้านช้าง ตั้งแต่ขุนบูรมถึงเจ้าอานุวง

 
ชื่อเรื่อง         ขุนบูรมราชา
ลิ้งค์ ต้นฉบับ   http://www.laomanuscripts.net/lo/texts/636#3
รายละเอียด    ปีที่จาร  มปจ / อักษรธรรมลาว / ๑๒ หน้า / สถานที่เก็บ หอพิพิธภัณฑ์ 
                       หลวงพระบาง
เนื้อหาสรุป      เนื้อหาเป็นลำดับกษัตริย์หลวงพระบางและเวียงจันทน์ ตั้งแต่ขุนบูรม มาสิ้นสุดที่เจ้าอานุ


ขุนบูรมราชา


บัดนี้จักจาขุนบูรมมราชาลงจากเมืองแถนมาเกิดแถงเอานางมานำสองคนผู้นึงชื่อนางอกแดง ผู้นึงชื่อว่านางยมมะพาลา ดังนางอกแดงนั้นมีลูกชื่อขุนลอผู้นึงท้าวลกกม /ผู้นึงชื่อเจดเจือง ดังนางยมมะพาลานั้น มีลูกสี่คนผู้นึงชื่อยี่ผาลาน ผู้นึงชื่อว่าสามจูสง ผู้นึงชื่อว่าไชพง ผู้นึงชื่องัวอิน ขุนบูรมราชาผู้พ่อจึงให้ขุนลอมา /นั่งเมืองชวา ยี่ผาลานให้เมือกินเมืองหอ สามจูสงให้เมืองกินเมืองแกว ไสพงเมือสร้างอางวะ ท้าวงั่วอินเมือสร้างโยทิยา ท้าวลกกมเมือ / สร้างเมืองพาววานัสสา เจดเจืองสร้างเมืองพวน ขุนลอมาตั้งเมืองชวาก่อนทั้งหลาย ขุนลอมีลูกชื่อขุนตาม ขุนตามมีลูกชื่อชุนชวา ลูกขุนชวาชื่อขุนชวาย / ลูกชื่อขุนคู ลูกชื่อขุนควง ลูกชื่อขุนคาง ลูกชื่อขุนแพง ลูกชื่อขุนเพิน ลูกชื่อขุนพิน ลูกชื่อขุนอูน ลูกชื่อขุนคาน ลูกชื่อขุนเคกลูกชื่อขุนรูง เปน ๑๕ ขุนแลขุนรูงมีลูกชื่อท้าว

แทน ลูกชื่อท้าวยูง ลูกชื่อท้าวเยืองก ลูกชื่อท้าวพีน ลูกชื่อท้าวพาด ลูกชื่อท้าวหลวงมา ท้าวละวง ท้าวละวงเปนพยาลัง ลูกชื่อพยาคำผง ลูกชื่อขุนผีฟ้าลูกฟ้างู้มลูกฟ้างู้มเปน พยา / สามแสนไท ฟ้างู้มเปนพยาได้ ๔๑ ปี พยา แสนไทเปนพยาได้ ๔๘ ปี พยาล้านคำ แดง เปนพยาได้ ๑๑ ปี พยาพมมะเทดลูกพยาล้านคำแดงเปน / พยาได้ เดือน พยาปากหายหลวงเปนพยาได้ เดือน พยาหมื่นเปนพยาได้ เดือนปาย ๒๐ วัน ฟ้าไคลูกท้าวคี เปนพยาได้ ปี เจ้าเชียงสา เปนพยา / ได้ เดือน ท้าวยูงกอนลูกพยาล้านคำแดง เปนพยาได้ เดือน พยาคำเกิดเปนพยาได้ ปี มาหาพยาไชจักกะแผ่นแผ้ว เปนพยาไชจักกะแผ่นแผ้ว / เปนพยาได้ ๔๘ ปี ลูกอ้ายเปน อุปเยาวะราชตางตนได้ ๒๐ ปี แล้วมาพยาสุวันนะปาลังแล้วมาพยาหล้าแสนไก เปนพยาได้ ๑๑ ปี มาพระวิชุนนะราชเปนพยาได้ ๒๒ ปี พระโพ

ทิสาราชเปนพยาได้ ๑๒ ปี มาพระไชเสษฐาลูกชื่อพระหน่อเมือง มาพระวงสามาอุปปะยู มาอุปปะโย มาพระโพทิสาน มาพระหม่อมแก้ว มาเจ้าต่อม มาเจ้าทา เจ้าท้าวมีลูกชาย คนชื่อเจ้า / ชุมพู ผู้นึงชื่อเจ้าบุนชู ผู้นึงชื่อเจ้าปู ผู้นึงเจ้าวิไช ผู้นึงเจ้าสุริยะ เจ้าสุริยะผู้น้องน้องได้เปนเจ้าแผ่นดิน จึงขับพี่ชาย คนหนี เจ้าพูมจึงเอาเมียหนีเมือ /เพิ่งแกวเมืองแว เอาแสนทิบบ้านนาปองเมือนำ จึงประสูตรได้ลูกชายผู้นึงชื่อว่าพระไชองแว เจ้าขุนพูตาย แสนทิบนาปองจึงเอาแม่พระไชองแวเปนเมีย / จึงมีลูกผู้นึงชื่อว่าท้าวนอง เจ้าราชวงก็ว่าแล เจ้าบุนชูหนีมาอยู่เชียงคานก็ลวดเถิงแก่ กำไปหั้นแล เจ้าปูจึงพาเมียหนีไปอยู่เมืองละคอน จึงปะ / สูตรได้ลูกชายผู้นึงชื่อว่าเจ้านันทะลาดแล ยามเมื่อเจ้าพยาสุริยะเปนเจ้านั่งเวียงจันนั้น เมืองแสวนหวีฟ้า ๑๒ พันนาบังเกิดเปนเสิก เจ้าอิ่นเมืองแสวนหวี ฟ้าจึงพาเอา

น้องสาวชื่อว่านางจัน ลงมาเพิ่งพยาสุริยะ พยาสุริยะมีลูกชายผู้ ชื่อว่าเจ้าราชบุตร จึงเอานางจันน้องสาวเจ้าอิ่นเปนเมีย จึงมีลูกยิง คน ผู้ ชื่อว่านางชะมัง ผู้ ชื่อว่านางโรงทาแล ดังเจ้า / ราชบุตรก็เอานางจันน้องเจ้าอินนั้นเปนเมีย จึงมีลูกชาย คน ตนพี่นั้นชื่อว่ากิงกิศะกุมมาร องน้องชื่อว่าอินทะโสมแล เจ้าอินก็เอาสาวคำเปน / เมีย ได้ลูกชายผู้ ชื่อว่าเจ้าหม่อมน้อย เจ้าราชบุตรก็สู่เมียท้าวโกเสีย พยาสุริยะตนเปนพ่อก็ให้เอาไปข้าเสียที่แก่งแมยา เหนือวัดไตเมืองวาหัน / ที่นั้น จึงได้เรียกกชื่อว่าพะลาง สืบมาเท้าบัดนี้แล คันพยาสุริยะเถิงแก่กำไปแล้ว เมืองจันจึงเปนพยาเอานางชามังแลนางกุมมารี / โรงทากินเมืองได้ ปี ถัดนั้นเจ้านันทราชลูกเจ้าปูอันไปเกิดเมืองละคอน ก็ยกกองทับขึ้นมาสู้รบกับเมืองจัน ก็ข้าเมืองจันเสียแล้ว เจ้านันทะราชก็นั่งเวียงจัน

อยู่บ่นานเท่าใด พระไชองแวกับท้าวนอง ก็ยกกองทัพขึ้นมาสู้รบพุ่งกับด้วยเจ้านันทะราช พระไชองแวก็ข้าเจ้านันเสีย พระไชองแวก็นั่งเวียงจันหั้นแล ซึ่งกิงกิศะกุมมารและเจ้า / อินทะโสมกับเจ้าหม่อมน้อย พี่น้องก็กลัวเกรงแต่มะละนะไพยะ อันพระไชองแวจักกระทำให้นั้น กะสัดพี่น้องจึงพากันลักหนี ดังกิงกิสสะกุมมารกับเจ้า / หม่อมน้อยก็พากันเมือเพิ่งอยู่เมืองล้าเมืองพงพู้นหั้นแล ซึ่งเจ้าอินทะโสมกับเจ้าเอกเมืองพาน ก็พากันหนีเมือเพิ่งเมืองแพพู้นหั้นแล / ถัดนั้นซึ่งพระไชองแวก็แต่งให้ท้าวน้อง ขึ้นมาอยู่รักสาเมืองหลวงพะบางหั้นแล ถัดนั้นเจ้ากิงกิสสะกุมมารกับเจ้าหม่อมน้อย ก็ยกเอากองทัพ / ลงมาสู้รบกับท้าวน้อง ท้าวน้องทนทวานมิได้ ก็ลวดกวาดเอาครอบครัวเมืองหลวงพะบางลงไปอบยู่เวียงจันครั้งนั้นเปนอันมาก ยังเอาไว้แต่พวก / ข้อยโอกาดวัดทาด โอกาดวัดใหม่ โอกาดพระธาตุจอมสี โอกาดวัดเชียงทอง โอกาดวัดวิชุน โอกาดวัดอาราม ล้ำนั้นเอาลงไปหมด ดังพระแก้วพระบางพระแซกคำเจ้ากับ

กองหลวงวัดวิชุน ท้าวน้องก็เอาไปปางนั้นหั้นแล ถัดนั้นครั้นกิงกิสสะกุมมารกับเจ้าหม่อมน้อย ได้เปนเจ้าเมืองหลวงพระบาง พระไชองแวกับท้าวน้องนั่งเวียงจัน จึงมาปันเขด /บ้านแดนเมืองให้แก่กัน ตั้งแต่ดู ตนอน ขวยตัดลงใส่หัวน้ำเหือง เลาะน้ำเหือง ล่องมาป่องน้ำของ เลาะน้ำของล่องมาป่องน้ำมี กอง / มีองเชียงคาน เลาะน้ำมีขึ้นเมือรอดหนองแกวหนองเทา ขึ้นใส่พูเยิย แต่ปากมีก้ำใต้ไปเถิงลีผี เปนเขตเวียงจัน บ่อคำทั้ง พวกชางทั้ง ก็เปน / เขตเวียงจันแล แต่ปากมีก้ำเหนือขึ้นเมือเถิงผาด่างผาไดเปนเขตเมืองหลวงพระบาง ข้างขวาจุแดนแกว มีสาน ...(?)... หนา คอนเปนเขต / หัวพันทั้งหก ๑๒ หน้าด่านจุไท คลังแพขาวคลังแพแดง เรือนมีร้านบ้านมีเสาเปนเขตเมืองหลวงพระบาง พระไชองแวกับกิงกิสะราช / ได้แบ่งปันเขตบ้านแดนเมืองให้แก่กันดังนี้ กิงกิสะกุมมารก็มีหน่อคำลำแกวยิงชายสืบราชะปะเวนี เจ้าก็เสวยเมืองได้ ๑๒ ปี ก็ได้กัดตาทิการไป

หั้นแล เสนาอามาดราชะครูเจ้าทั้งหลายจึงพร้อมกันอุสาพิเสกเจ้าหม่อมน้อย เปนเจ้าเมืองหลวงพระบางผากดว่าเจ้าองนก เหตุว่ามักไปต่อนกนั้นแล ถัดนั้นดั่งเจ้าอินทะโสมกับเจ้าเอก / เมืองพาน อันขึ้นไปเพิ่งเมืองแผนั้น จึงยกกองทัพลงมาว่าจักมาตีเอาเมืองหลวง คันลงมาเถิงสบลวงกองทัพทางเจ้าองนก ก็ยกขึ้นไปสู้รบกันที่สบลวง /ทางเจ้าอินทะโสมก็แตกกะจัดกะจายไป ดังเจ้าเอกก็โตนน้ำหนีไปอยู่กะหลืมเมืองพานพู้นหั้นแล ซึ่งเจ้าอินทะโสมก็เอานำหนองกองข้อยเมือขอเพิ่ง /อยู่นะเมืองลา แล้วก็เกี้ยวกล่อมเอาข้าแผ มาเปนไม้เปนมือ พร้อมแล้วก็ลงมาตั้งกองทัพอยู่เมืองงอยหั้นแล ดังเจ้าองนกก็แต่งท้าวพระยาเสนาอามาด / สมเด็จราชครูทั้งหลาย ขึ้นเมือนิมนราดทะนาเชิญเอาองพระเปนเจ้าอินทะโสม แรเอามาสะถิดไว้ในวัดหลวงวิชุน แล้วมหากะสัดเจ้าทั้ง ก็ขอดคำรัก คองสีเสา / หากับด้วยกัน ก็ได้ลงน้ำขว้ำบวยเปนสัจจะแก่กัน เอาชั้นฟ้าแผ่นดินตั้งต่อกันเปนคำสัจจะหมั้นคงซ่องหน้าพระพุทธเจ้าวัดวิชุนเปนสักขีแล้ว เจ้าองนกก็หาความสลังสงไสหาคำ

ระวังระไวบ่ได้ ก็เข้าใจซื่อตังต่อกัน ก็บ่วิตกวิจานสังหั้นแล เจ้าองนกนั่งเมืองได้ ๑๐ ปี มีลูกชื่อเจ้าทัดอง เจ้าฟอง แต่นั้นยังมีในวัน พระอินทะโสมก็พาเอาข้าชันคนในไปต่อนกบ้านเมือง / ขายแต ยังมีเสนาผู้ ชื่อว่าเมืองซ้ายทาหลวง จึงเมือราธนาเอาพระอินทะโสมมานั่งเมือง ครั้นเถิงเพลายามค่ำเจ้าองนกก็ทังเรือขึ้นมาเถิงคกเรือ ท่าเชียง / แมน เจ้าจึงได้ยินเสียงกลองสะบัดไชพระอินทะโสมตีขึ้นหอคำแล้ว เจ้าองนกก็ลังน้ำตกแผ่นดินทั้ง ทิสสาเมืองแล้ว เจ้าก็พาเอาข้อยชันคนจำหนี / เข้าเมือตามน้ำหลิม ขึ้นเมือเถิงเมืองเหลิกโลด ขึ้นเมือนั่งเมืองเชียงใหม่พู้นแล พระอินทะโสมเจ้าก็ได้เปนเจ้าเมืองหลวงพระบางแล้ว ก็บังเกิดมี / หน่อคำลำแก้วกับด้วยนางเทวีทั้ง นั้น มีนำพระแท่นสาวผู้พี่นั้น ชื่อว่าแก้วรัตนะพิมพา คือแมนสาธุโรงทานนั้นแล องถ้วน นั้นชื่อว่าโชตะกุมมาร องถ้วน นั้นชื่อว่า

อนุรุทธกุมมาร องถ้วน นั้น ชื่อว่านาถะกุมมาร องถ้วน นั้นชื่อว่านาสัดทะกุมมาร องถ้วนหกนั้นชื่อว่านางสีคำกอง องถ้วน นั้นชื่อว่านางสุดชาดาแมนสาทุขาวนั้นแล มีนำพระแท่น /คำ คน องพี่นั้นชื่อว่าสุริยะวงสา องน้องชื่อว่านางสุทำมา มีนำพระอถำขวาผู้นึง ชื่อว่านางนาด มีนำพระอถำว้ายผู้ ชื่อว่าอินทะพมมะวงสา แม่นเจ้าองควายชน / ผู้น้องนั้นชื่อว่านางแว่นแก้ว ผิว ฝูงนี้เปนลูกนางเทวีทั้ง แล มีนำนางสนมผู้ ชื่อว่า เจ้าองเอก เจ้ากันยาก็ว่า มีนำนางสนมผู้ ชื่อว่าเสฐะวังโส แมน / สาธุชายโรงทาแล มีนำนางสนมผู้ ชื่อว่าสุละวงสา แม่นพ่อสาทุทางทายพ่อเจ้ากวดแกวนั้นแล พระอินทะโสมเจ้านั่งเมืองได้ ๒๖ ปี กัด / ตาทิการพวนแกวแงเจียวเทียมตาเทียมเจด ลงมาตั้งอยู่พูเจียวแลมาตั้งอยู่แกงยองพักสบไว้ วัน โลดหลอ กับในคุ้มจึงร้องว่าพินบาดองหลอนั้นแล เสนาอามาดราชครูเจ้า

๑๐
ทั้งหลายจึงพร้อมกันเสงเสี่ยงเอาเจ้าราชบุตรทั้ง พระอง คือว่าโชตะกุมมาร อนุรุทธกุมมาร นาคะกุมมาร นาลัทธะกุมมาร และเสฐะวังโสสะระวงสา สุริยะวงสา แลองค์เอก ใน พระองนี้ บ่ได้ /สักอง จึงเสี่ยงได้เจ้าอินทะพมมะกุมมาร เปนเจ้าแม่ทัพออกไปตีแกวแกงยอง ลวดแตกกะจัดกะจายไป เสนาอามาดทั้งหลายจึงมอบบ้านเวนให้นั่งจึง /เอานางแก้วรัตนะพิมพามาเปนเทวีหั้นแล อินทะพมนั่งเมืองได้ เดือน เจ้าก็กลัวเกงแต่ไพยะอันเจ้าราชบุตรทั้ง นั้น เจ้าจึงวางเมืองให้ /แก่โชตกุมมารนั่งแล้ว เจ้าก็ไปปลูกโรงอยู่ฟากพันหลวงพู้น ควายลวดชนเสียที่โพนพะ เนียกช้างหั้นจึงชื่อว่าเจ้าควายชนเท้าบัดนี้แล ถัดนั้นโชตะ / กุมมารนั่งเมืองได้ ๑๔ ปี เจ้าสุริยะวงสา อันเปนน้องก็มาโคบยาดเอาเสียหั้นแลเจ้าสุริยะวงสานั่งเมืองได้ ๑๑ ปี ก็เถิงแก่กำไปหั้นแล อะนุลุทธะนั่งเมือง / นั่งเมืองได้ปีนึง เจ้านันยกกองทัพขึ้นมาตี ลวดได้องอะนุลุทธลงไปอยู่กรุงเทพพระมหานะคอน นานได้ ปี สมเดจพระพุทธิเจ้าอยู่หัวก็โผดเกล้าโผดขะหม่อมให้ขึ้นมาครอบครอง บ้าน

๑๑
เมืองได้ ๒๕ ปี ก็เถิงแก่พิราไลไปหั้นแล ดังอะนุรุทธะราชเจ้าก็มีลูกกับนาง ชื่อว่านางทูม ผู้ ชื่อว่านางหล้า มีนำนางชื่อว่าเจ้ามังทาตุลาด มีนำนาง ชื่อว่าเจ้าสุริยะ มีนำนาง ชื่อว่า / เจ้าอับไพบํริวง ผู้น้องชื่อนางสีไวระกา มีนำนาง ชื่อว่าเจ้าอุ่นแก้ว มีนำนาง ๑ ชื่อว่าเจ้าชาง ซึ่งนาคะกุมมารมีลูกนำนางชื่อว่าเจ้าอับไพ อง ชื่อว่าเจ้า / อินอง ชื่อว่าเจ้าพม มีนำนาง ชื่อเจ้าสุทธะ นาง ชื่อนางฟองสมุทร มีนำนาง ชื่อว่าเจ้ามัง ยิงชื่อนางสิม อง ชื่อเจ้าสมไช ซึ่งเจ้าอับไพลูกนาคะ / กุมมารนั้น ก็มีลูกนำเจ้านางสิม อันเปนลูกนางแก้วรัตนะพิมพานั้น อง ชื่อว่าเจ้าโงน อง ชื่อว่าเจ้าแกนคำ อง ชื่อว่าเจ้าราดคำ / หั้นแล ถัดนั้นมังทาตุราดเจ้าขึ้นเสวยเมืองนานได้ ยี่สิบปีก็เถิงแก่พิลาไลไป ซึ่งมังธาตุราชเจ้าก็มีหน่อคำลำแก้ว นำนางผู้เค้านั้น ชื่อว่าสุกกะเสิม มี

๑๒
นำนางผู้ถ้วน นั้น ชื่อว่าเจ้าจันทะนะราชกุมมาร มีนำนางผู้ถ้วน นั้นชื่อว่าเจ้าโพทิสาน อง ชื่อว่าเจ้าอุ่นคำ มีนำนางผู้ถ้วน ชื่อว่าเจ้ากมมะหาเลกบังในแล / ถัดนั้นมาเถิงบรมมะนิยะสุกกะเสิม ขึ้นเสวยเมืองนานได้ ๑๒ ปี ก็ได้เถิงพิราไลไปหั้นแล ดังพระไชองแวนั่งเวียงจันมีลูกชื่อองลอง องลองมีลูกชื่ออง /โตน เจ้าพูเพก็ว่า เจ้าพูเพมีลูกชื่อเจ้าบูนแมนพระวรปิตา เจ้าบุนมีลูกชื่อเจ้านันทเสน น้องสาวชื่อว่านางคอง มีนำนาง ชื่อว่าเจ้าอินผู้น้องชื่อว่าเจ้าอานุแล

___________________________________

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น