ชื่อเรื่อง ขุนบูรมราชา
ลิ้งค์
ต้นฉบับ http://www.laomanuscripts.net/lo/texts/636#3
รายละเอียด
ปีที่จาร มปจ
/
อักษรธรรมลาว
/
๑๒
หน้า /
สถานที่เก็บ
หอพิพิธภัณฑ์
หลวงพระบาง
เนื้อหาสรุป
เนื้อหาเป็นลำดับกษัตริย์หลวงพระบางและเวียงจันทน์ ตั้งแต่ขุนบูรม มาสิ้นสุดที่เจ้าอานุ
ขุนบูรมราชา
๑
บัดนี้จักจาขุนบูรมมราชาลงจากเมืองแถนมาเกิดแถงเอานางมานำสองคนผู้นึงชื่อนางอกแดง
ผู้นึงชื่อว่านางยมมะพาลา ดังนางอกแดงนั้นมีลูกชื่อขุนลอผู้นึงท้าวลกกม
/ผู้นึงชื่อเจดเจือง ดังนางยมมะพาลานั้น
มีลูกสี่คนผู้นึงชื่อยี่ผาลาน
ผู้นึงชื่อว่าสามจูสง
ผู้นึงชื่อว่าไชพง
ผู้นึงชื่องัวอิน ขุนบูรมราชาผู้พ่อจึงให้ขุนลอมา /นั่งเมืองชวา ยี่ผาลานให้เมือกินเมืองหอ
สามจูสงให้เมืองกินเมืองแกว
ไสพงเมือสร้างอางวะ
ท้าวงั่วอินเมือสร้างโยทิยา
ท้าวลกกมเมือ
/
สร้างเมืองพาววานัสสา
เจดเจืองสร้างเมืองพวน
ขุนลอมาตั้งเมืองชวาก่อนทั้งหลาย
ขุนลอมีลูกชื่อขุนตาม
ขุนตามมีลูกชื่อชุนชวา
ลูกขุนชวาชื่อขุนชวาย
/
ลูกชื่อขุนคู
ลูกชื่อขุนควง
ลูกชื่อขุนคาง
ลูกชื่อขุนแพง
ลูกชื่อขุนเพิน
ลูกชื่อขุนพิน
ลูกชื่อขุนอูน
ลูกชื่อขุนคาน
ลูกชื่อขุนเคกลูกชื่อขุนรูง
เปน
๑๕ ขุนแลขุนรูงมีลูกชื่อท้าว
๒
แทน
ลูกชื่อท้าวยูง
ลูกชื่อท้าวเยืองก
ลูกชื่อท้าวพีน
ลูกชื่อท้าวพาด
ลูกชื่อท้าวหลวงมา
ท้าวละวง
ท้าวละวงเปนพยาลัง
ลูกชื่อพยาคำผง
ลูกชื่อขุนผีฟ้าลูกฟ้างู้มลูกฟ้างู้มเปน
พยา /
สามแสนไท
ฟ้างู้มเปนพยาได้
๔๑
ปี
พยา
๓
แสนไทเปนพยาได้
๔๘
ปี
พยาล้านคำ แดง
เปนพยาได้
๑๑
ปี
พยาพมมะเทดลูกพยาล้านคำแดงเปน
/
พยาได้
๔
เดือน
พยาปากหายหลวงเปนพยาได้
๕
เดือน
พยาหมื่นเปนพยาได้
๔
เดือนปาย
๒๐
วัน
ฟ้าไคลูกท้าวคี
เปนพยาได้
๘
ปี
เจ้าเชียงสา
เปนพยา
/
ได้
๗
เดือน
ท้าวยูงกอนลูกพยาล้านคำแดง
เปนพยาได้
๘
เดือน
พยาคำเกิดเปนพยาได้
๓
ปี
มาหาพยาไชจักกะแผ่นแผ้ว
เปนพยาไชจักกะแผ่นแผ้ว
/
เปนพยาได้
๔๘
ปี
ลูกอ้ายเปน
อุปเยาวะราชตางตนได้
๒๐
ปี
แล้วมาพยาสุวันนะปาลังแล้วมาพยาหล้าแสนไก
เปนพยาได้
๑๑
ปี
มาพระวิชุนนะราชเปนพยาได้
๒๒
ปี
พระโพ
๓
ทิสาราชเปนพยาได้
๑๒
ปี
มาพระไชเสษฐาลูกชื่อพระหน่อเมือง
มาพระวงสามาอุปปะยู
มาอุปปะโย
มาพระโพทิสาน
มาพระหม่อมแก้ว
มาเจ้าต่อม
มาเจ้าทา
เจ้าท้าวมีลูกชาย
๕
คนชื่อเจ้า
/
ชุมพู
ผู้นึงชื่อเจ้าบุนชู
ผู้นึงชื่อเจ้าปู
ผู้นึงเจ้าวิไช
ผู้นึงเจ้าสุริยะ
เจ้าสุริยะผู้น้องน้องได้เปนเจ้าแผ่นดิน
จึงขับพี่ชาย
๔
คนหนี
เจ้าพูมจึงเอาเมียหนีเมือ
/เพิ่งแกวเมืองแว
เอาแสนทิบบ้านนาปองเมือนำ
จึงประสูตรได้ลูกชายผู้นึงชื่อว่าพระไชองแว
เจ้าขุนพูตาย
แสนทิบนาปองจึงเอาแม่พระไชองแวเปนเมีย
/
จึงมีลูกผู้นึงชื่อว่าท้าวนอง
เจ้าราชวงก็ว่าแล
เจ้าบุนชูหนีมาอยู่เชียงคานก็ลวดเถิงแก่ กำไปหั้นแล
เจ้าปูจึงพาเมียหนีไปอยู่เมืองละคอน
จึงปะ
/
สูตรได้ลูกชายผู้นึงชื่อว่าเจ้านันทะลาดแล
ยามเมื่อเจ้าพยาสุริยะเปนเจ้านั่งเวียงจันนั้น
เมืองแสวนหวีฟ้า
๑๒
พันนาบังเกิดเปนเสิก เจ้าอิ่นเมืองแสวนหวี ฟ้าจึงพาเอา
๔
น้องสาวชื่อว่านางจัน
ลงมาเพิ่งพยาสุริยะ
พยาสุริยะมีลูกชายผู้
๑
ชื่อว่าเจ้าราชบุตร
จึงเอานางจันน้องสาวเจ้าอิ่นเปนเมีย
จึงมีลูกยิง
๒
คน
ผู้
๑
ชื่อว่านางชะมัง
ผู้
๑
ชื่อว่านางโรงทาแล
ดังเจ้า
/
ราชบุตรก็เอานางจันน้องเจ้าอินนั้นเปนเมีย
จึงมีลูกชาย
๒
คน
ตนพี่นั้นชื่อว่ากิงกิศะกุมมาร
องน้องชื่อว่าอินทะโสมแล
เจ้าอินก็เอาสาวคำเปน
/
เมีย
ได้ลูกชายผู้
๑
ชื่อว่าเจ้าหม่อมน้อย
เจ้าราชบุตรก็สู่เมียท้าวโกเสีย
พยาสุริยะตนเปนพ่อก็ให้เอาไปข้าเสียที่แก่งแมยา
เหนือวัดไตเมืองวาหัน
/
ที่นั้น
จึงได้เรียกกชื่อว่าพะลาง
สืบมาเท้าบัดนี้แล
คันพยาสุริยะเถิงแก่กำไปแล้ว
เมืองจันจึงเปนพยาเอานางชามังแลนางกุมมารี
/
โรงทากินเมืองได้
๒
ปี
ถัดนั้นเจ้านันทราชลูกเจ้าปูอันไปเกิดเมืองละคอน
ก็ยกกองทับขึ้นมาสู้รบกับเมืองจัน
ก็ข้าเมืองจันเสียแล้ว
เจ้านันทะราชก็นั่งเวียงจัน
๕
อยู่บ่นานเท่าใด
พระไชองแวกับท้าวนอง
ก็ยกกองทัพขึ้นมาสู้รบพุ่งกับด้วยเจ้านันทะราช
พระไชองแวก็ข้าเจ้านันเสีย
พระไชองแวก็นั่งเวียงจันหั้นแล
ซึ่งกิงกิศะกุมมารและเจ้า
/
อินทะโสมกับเจ้าหม่อมน้อย
๓
พี่น้องก็กลัวเกรงแต่มะละนะไพยะ
อันพระไชองแวจักกระทำให้นั้น
๓
กะสัดพี่น้องจึงพากันลักหนี
ดังกิงกิสสะกุมมารกับเจ้า
/
หม่อมน้อยก็พากันเมือเพิ่งอยู่เมืองล้าเมืองพงพู้นหั้นแล
ซึ่งเจ้าอินทะโสมกับเจ้าเอกเมืองพาน
ก็พากันหนีเมือเพิ่งเมืองแพพู้นหั้นแล
/
ถัดนั้นซึ่งพระไชองแวก็แต่งให้ท้าวน้อง
ขึ้นมาอยู่รักสาเมืองหลวงพะบางหั้นแล
ถัดนั้นเจ้ากิงกิสสะกุมมารกับเจ้าหม่อมน้อย
ก็ยกเอากองทัพ
/
ลงมาสู้รบกับท้าวน้อง
ท้าวน้องทนทวานมิได้
ก็ลวดกวาดเอาครอบครัวเมืองหลวงพะบางลงไปอบยู่เวียงจันครั้งนั้นเปนอันมาก
ยังเอาไว้แต่พวก
/
ข้อยโอกาดวัดทาด
โอกาดวัดใหม่
โอกาดพระธาตุจอมสี
โอกาดวัดเชียงทอง
โอกาดวัดวิชุน
โอกาดวัดอาราม
ล้ำนั้นเอาลงไปหมด
ดังพระแก้วพระบางพระแซกคำเจ้ากับ
๖
กองหลวงวัดวิชุน
ท้าวน้องก็เอาไปปางนั้นหั้นแล
ถัดนั้นครั้นกิงกิสสะกุมมารกับเจ้าหม่อมน้อย
ได้เปนเจ้าเมืองหลวงพระบาง
พระไชองแวกับท้าวน้องนั่งเวียงจัน
จึงมาปันเขด
/บ้านแดนเมืองให้แก่กัน
ตั้งแต่ดู
๒
ตนอน
๒
ขวยตัดลงใส่หัวน้ำเหือง
เลาะน้ำเหือง
ล่องมาป่องน้ำของ
เลาะน้ำของล่องมาป่องน้ำมี
กอง
/
มีองเชียงคาน
เลาะน้ำมีขึ้นเมือรอดหนองแกวหนองเทา
ขึ้นใส่พูเยิย
แต่ปากมีก้ำใต้ไปเถิงลีผี
เปนเขตเวียงจัน
บ่อคำทั้ง
๙
พวกชางทั้ง
๖
ก็เปน
/
เขตเวียงจันแล
แต่ปากมีก้ำเหนือขึ้นเมือเถิงผาด่างผาไดเปนเขตเมืองหลวงพระบาง
ข้างขวาจุแดนแกว
มีสาน
๓
...(?)...
หนา
๓
คอนเปนเขต
/
หัวพันทั้งหก
๑๒
หน้าด่านจุไท
คลังแพขาวคลังแพแดง
เรือนมีร้านบ้านมีเสาเปนเขตเมืองหลวงพระบาง
พระไชองแวกับกิงกิสะราช
/
ได้แบ่งปันเขตบ้านแดนเมืองให้แก่กันดังนี้
กิงกิสะกุมมารก็มีหน่อคำลำแกวยิงชายสืบราชะปะเวนี
เจ้าก็เสวยเมืองได้
๑๒
ปี
ก็ได้กัดตาทิการไป
๗
หั้นแล
เสนาอามาดราชะครูเจ้าทั้งหลายจึงพร้อมกันอุสาพิเสกเจ้าหม่อมน้อย
เปนเจ้าเมืองหลวงพระบางผากดว่าเจ้าองนก
เหตุว่ามักไปต่อนกนั้นแล
ถัดนั้นดั่งเจ้าอินทะโสมกับเจ้าเอก
/
เมืองพาน
อันขึ้นไปเพิ่งเมืองแผนั้น
จึงยกกองทัพลงมาว่าจักมาตีเอาเมืองหลวง
คันลงมาเถิงสบลวงกองทัพทางเจ้าองนก
ก็ยกขึ้นไปสู้รบกันที่สบลวง
/ทางเจ้าอินทะโสมก็แตกกะจัดกะจายไป
ดังเจ้าเอกก็โตนน้ำหนีไปอยู่กะหลืมเมืองพานพู้นหั้นแล
ซึ่งเจ้าอินทะโสมก็เอานำหนองกองข้อยเมือขอเพิ่ง
/อยู่นะเมืองลา
แล้วก็เกี้ยวกล่อมเอาข้าแผ
มาเปนไม้เปนมือ
พร้อมแล้วก็ลงมาตั้งกองทัพอยู่เมืองงอยหั้นแล
ดังเจ้าองนกก็แต่งท้าวพระยาเสนาอามาด
/
สมเด็จราชครูทั้งหลาย
ขึ้นเมือนิมนราดทะนาเชิญเอาองพระเปนเจ้าอินทะโสม
แรเอามาสะถิดไว้ในวัดหลวงวิชุน
แล้วมหากะสัดเจ้าทั้ง
๒
ก็ขอดคำรัก
คองสีเสา
/
หากับด้วยกัน
ก็ได้ลงน้ำขว้ำบวยเปนสัจจะแก่กัน
เอาชั้นฟ้าแผ่นดินตั้งต่อกันเปนคำสัจจะหมั้นคงซ่องหน้าพระพุทธเจ้าวัดวิชุนเปนสักขีแล้ว
เจ้าองนกก็หาความสลังสงไสหาคำ
๘
ระวังระไวบ่ได้
ก็เข้าใจซื่อตังต่อกัน
ก็บ่วิตกวิจานสังหั้นแล
เจ้าองนกนั่งเมืองได้
๑๐
ปี
มีลูกชื่อเจ้าทัดอง
๑
เจ้าฟอง
แต่นั้นยังมีในวัน
๑
พระอินทะโสมก็พาเอาข้าชันคนในไปต่อนกบ้านเมือง
/
ขายแต
ยังมีเสนาผู้
๑
ชื่อว่าเมืองซ้ายทาหลวง
จึงเมือราธนาเอาพระอินทะโสมมานั่งเมือง
ครั้นเถิงเพลายามค่ำเจ้าองนกก็ทังเรือขึ้นมาเถิงคกเรือ
ท่าเชียง
/
แมน
เจ้าจึงได้ยินเสียงกลองสะบัดไชพระอินทะโสมตีขึ้นหอคำแล้ว
เจ้าองนกก็ลังน้ำตกแผ่นดินทั้ง
๔
ทิสสาเมืองแล้ว
เจ้าก็พาเอาข้อยชันคนจำหนี
/
เข้าเมือตามน้ำหลิม
ขึ้นเมือเถิงเมืองเหลิกโลด
ขึ้นเมือนั่งเมืองเชียงใหม่พู้นแล
พระอินทะโสมเจ้าก็ได้เปนเจ้าเมืองหลวงพระบางแล้ว
ก็บังเกิดมี
/
หน่อคำลำแก้วกับด้วยนางเทวีทั้ง
๔
นั้น
มีนำพระแท่นสาวผู้พี่นั้น
ชื่อว่าแก้วรัตนะพิมพา
คือแมนสาธุโรงทานนั้นแล
องถ้วน
๒
นั้นชื่อว่าโชตะกุมมาร
องถ้วน
๓
นั้นชื่อว่า
๙
อนุรุทธกุมมาร
องถ้วน
๔
นั้น
ชื่อว่านาถะกุมมาร
องถ้วน
๕
นั้นชื่อว่านาสัดทะกุมมาร
องถ้วนหกนั้นชื่อว่านางสีคำกอง
องถ้วน
๗
นั้นชื่อว่านางสุดชาดาแมนสาทุขาวนั้นแล
มีนำพระแท่น
/คำ
๒
คน
องพี่นั้นชื่อว่าสุริยะวงสา
องน้องชื่อว่านางสุทำมา
มีนำพระอถำขวาผู้นึง
ชื่อว่านางนาด
มีนำพระอถำว้ายผู้
๑
ชื่อว่าอินทะพมมะวงสา
แม่นเจ้าองควายชน
/
ผู้น้องนั้นชื่อว่านางแว่นแก้ว
๓
ผิว
ฝูงนี้เปนลูกนางเทวีทั้ง
๔
แล
มีนำนางสนมผู้
๑
ชื่อว่า
เจ้าองเอก
เจ้ากันยาก็ว่า
มีนำนางสนมผู้
๑
ชื่อว่าเสฐะวังโส
แมน
/
สาธุชายโรงทาแล
มีนำนางสนมผู้
๑
ชื่อว่าสุละวงสา
แม่นพ่อสาทุทางทายพ่อเจ้ากวดแกวนั้นแล
พระอินทะโสมเจ้านั่งเมืองได้
๒๖
ปี
กัด
/
ตาทิการพวนแกวแงเจียวเทียมตาเทียมเจด
ลงมาตั้งอยู่พูเจียวแลมาตั้งอยู่แกงยองพักสบไว้
๓
วัน
๓
โลดหลอ
กับในคุ้มจึงร้องว่าพินบาดองหลอนั้นแล
เสนาอามาดราชครูเจ้า
๑๐
ทั้งหลายจึงพร้อมกันเสงเสี่ยงเอาเจ้าราชบุตรทั้ง
๘
พระอง
คือว่าโชตะกุมมาร
อนุรุทธกุมมาร
นาคะกุมมาร
นาลัทธะกุมมาร
และเสฐะวังโสสะระวงสา
สุริยะวงสา
แลองค์เอก
ใน
๘
พระองนี้
บ่ได้
/สักอง
จึงเสี่ยงได้เจ้าอินทะพมมะกุมมาร
เปนเจ้าแม่ทัพออกไปตีแกวแกงยอง
ลวดแตกกะจัดกะจายไป
เสนาอามาดทั้งหลายจึงมอบบ้านเวนให้นั่งจึง
/เอานางแก้วรัตนะพิมพามาเปนเทวีหั้นแล
อินทะพมนั่งเมืองได้
๘
เดือน
เจ้าก็กลัวเกงแต่ไพยะอันเจ้าราชบุตรทั้ง
๘
นั้น
เจ้าจึงวางเมืองให้
/แก่โชตกุมมารนั่งแล้ว
เจ้าก็ไปปลูกโรงอยู่ฟากพันหลวงพู้น
ควายลวดชนเสียที่โพนพะ เนียกช้างหั้นจึงชื่อว่าเจ้าควายชนเท้าบัดนี้แล
ถัดนั้นโชตะ
/
กุมมารนั่งเมืองได้
๑๔
ปี
เจ้าสุริยะวงสา
อันเปนน้องก็มาโคบยาดเอาเสียหั้นแลเจ้าสุริยะวงสานั่งเมืองได้
๑๑
ปี
ก็เถิงแก่กำไปหั้นแล
อะนุลุทธะนั่งเมือง
/ นั่งเมืองได้ปีนึง
เจ้านันยกกองทัพขึ้นมาตี
ลวดได้องอะนุลุทธลงไปอยู่กรุงเทพพระมหานะคอน
นานได้
๔
ปี
สมเดจพระพุทธิเจ้าอยู่หัวก็โผดเกล้าโผดขะหม่อมให้ขึ้นมาครอบครอง
บ้าน
๑๑
เมืองได้
๒๕
ปี
ก็เถิงแก่พิราไลไปหั้นแล
ดังอะนุรุทธะราชเจ้าก็มีลูกกับนาง
๑
ชื่อว่านางทูม
ผู้
๑
ชื่อว่านางหล้า
มีนำนางชื่อว่าเจ้ามังทาตุลาด
มีนำนาง
๑
ชื่อว่าเจ้าสุริยะ
มีนำนาง
๑
ชื่อว่า
/
เจ้าอับไพบํริวง
ผู้น้องชื่อนางสีไวระกา
มีนำนาง
๑
ชื่อว่าเจ้าอุ่นแก้ว
มีนำนาง
๑ ชื่อว่าเจ้าชาง
ซึ่งนาคะกุมมารมีลูกนำนางชื่อว่าเจ้าอับไพ
อง
๑
ชื่อว่าเจ้า
/
อินอง
๓
ชื่อว่าเจ้าพม
มีนำนาง
๑
ชื่อเจ้าสุทธะ
นาง
๑
ชื่อนางฟองสมุทร
มีนำนาง
๑
ชื่อว่าเจ้ามัง
ยิงชื่อนางสิม
อง
๑
ชื่อเจ้าสมไช
ซึ่งเจ้าอับไพลูกนาคะ
/
กุมมารนั้น
ก็มีลูกนำเจ้านางสิม
อันเปนลูกนางแก้วรัตนะพิมพานั้น
อง
๑
ชื่อว่าเจ้าโงน
อง
๑
ชื่อว่าเจ้าแกนคำ
อง
๑
ชื่อว่าเจ้าราดคำ
/
หั้นแล
ถัดนั้นมังทาตุราดเจ้าขึ้นเสวยเมืองนานได้
ยี่สิบปีก็เถิงแก่พิลาไลไป
ซึ่งมังธาตุราชเจ้าก็มีหน่อคำลำแก้ว
นำนางผู้เค้านั้น
ชื่อว่าสุกกะเสิม
มี
๑๒
นำนางผู้ถ้วน
๒
นั้น
ชื่อว่าเจ้าจันทะนะราชกุมมาร
มีนำนางผู้ถ้วน
๓
นั้นชื่อว่าเจ้าโพทิสาน
อง
๑
ชื่อว่าเจ้าอุ่นคำ
มีนำนางผู้ถ้วน
๔
ชื่อว่าเจ้ากมมะหาเลกบังในแล
/
ถัดนั้นมาเถิงบรมมะนิยะสุกกะเสิม
ขึ้นเสวยเมืองนานได้
๑๒
ปี
ก็ได้เถิงพิราไลไปหั้นแล
ดังพระไชองแวนั่งเวียงจันมีลูกชื่อองลอง
องลองมีลูกชื่ออง
/โตน
เจ้าพูเพก็ว่า
เจ้าพูเพมีลูกชื่อเจ้าบูนแมนพระวรปิตา
เจ้าบุนมีลูกชื่อเจ้านันทเสน
น้องสาวชื่อว่านางคอง
มีนำนาง
๑
ชื่อว่าเจ้าอินผู้น้องชื่อว่าเจ้าอานุแล
___________________________________
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น