วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

ตำนานนิทานเชียงดงเชียงทองเชียงหวาง ฉบับวัดแสนสุขาราม (หน้า ๑-๓๗)

ชื่อเรื่อง           ตำนานนิทานเชียงดงเชียงทองเชียงหวาง

ลิ้งค์ต้นฉบับ   http://www.laomanuscripts.net/lo/texts/4463#3

รายละเอียด    มปจ (ประมาณ จศ ๑๑๗๐-๑๒๒๐) / อักษรธรรมลาว / ๑๑๘ หน้า  / วัดแสนสุขาราม 
                   บ้านวัดแสน เมืองหลวงพระบาง

เนื้อหาสรุป     




สีสีสวัสดี มังคละจักกล่าวตำนานบูรมมะ ประถมคอแต่ก่อฟ้าเปนดิน เปนหย้าก่อเปนอาทิดในมนุสสโลกนี้ พรหมทั้งหลายลงมาเสวยทุกในแผ่นดินวันนั้นก็หลายนัก พรหมทั้งหลายก็ควาดูแผ่นดินชู่แห่งจึงพบสระอัน ๑ มีดอกแสวห้าดวงที่จักบังเกิดมหาโพธิ อันเปนที่จักตัดสัพพัญญูพระเจ้าทั้งหลาย พรหมทั้งหลายจึงหมายว่าพระเจ้าทั้งหลายจักเกิดมาในกับอันนี้ ๕ ตน บ่อย่าชะแล พรหมทั้งหลายจึงเอาดอกบัว ๕ ดวงนี้เมือไว้ก้ำพรหมโลกพู้นแล พรหมทั้งหลายก็ดูดกินรสแผ่นดิน เหิงนานไปรัสมีพรมทั้งหลายก็หาย มืดอยู่บ่รุ่งบ่ค่ำ พรหมทั้งหลายก็งมงวาอยู่แล จักขึ้นเมือพรหมก็บ่ได้ เพื่อได้กินโอชารสแผ่นดินอันหอมนั้นแล เมื่อนั้นพรหมทั้งหลายก็เปนอุคค ? ด้วยอันบ่รุ่งบ่ค่ำอย้านนัก พรหมทั้งหลายจึงจารจากันว่า มาเราทั้งหลายปรารถนาหาอันหานแก่เราทอน เขาพร้อมกันปราถนาหั้นแล
ยังมีพรหมผู้ ๑ เบ่ามีนานเท่าใดเลยพระอาทิดมีมัณฑละ ๕๐ โยดชนะ ก็จักเกิดมาเปนอันรุ่งเรืองแก่เราทั้งหลาย บ่อย่าชะแล เมื่อพระอาทิตกับ (ไม่ชัด) เสมรดังนั้น ก็ดูมืดมัวกลัวอยู่แล เขาก็ปราถนาว่าอันใดจักเกิดเปนดั่งพระอาทิดนี้ ให้เปนอันหานแก่เรา เมื่อกลางคืนนี้จา ยังมีพรมตน ๑ ว่า ..(ไม่ชัด) มืนนานเท่าใดเลย พระจันมีมัณฑละ ๔๙ โยดชนะ ก็จักเกิดมาด้วยใจหมายปราถนา พรหมทั้งหลายจึงใส่ชื่อว่าพระจัน ด้วยรัสสมีอันรุ่งเรืองนั้นแล เหิงนานไป พรหมทั้งหลายก็ดูดกินรสแผ่นดินจึงหูดหาโอชารดบ่ได้ เมื่อนั้นพรหมทั้งหลายก็กินใบไม้ เหิงนัก อันใดจักเปนอานุภาพด้วยกำลังแห่งเรานี้ชา เขาปราถนาหาบ่นาน
เท่าใดเลย เข้าโพดชสาลีก็เกิดมาด้วยใจหมายแห่งพรหมทั้งหลาย ก็ได้กินยังเข้าโพดชสาลีนั้น ก็ลวดมีกำลังเปนผู้ชายผู้ยิงแล แต่นั้นพรหมทั้งหลายก็ เสพเมถุนธำด้วยกัน ก็บังเกิดมีลูกยิงลูกชายแล เมื่อนั้นเขาก็แค้นอาหารก็ปราถนาหาอาหาร ก็บ่นานเท่าใดเลย ท้าวเวสสุวันก็ให้แถนแต่งมา บอกบาวขาวแกพรหมทั้งหลายให้หาไร่นากิน แถนก็ปงงัวควายสัดสิ่ง มัดสามังสังแก่เขา เขาได้กินชิ้นปาอาหารทุกประการแล้ว แต่กาละนั้นก็ตายเอาลูกสืบลูกตาย เอาหลานสืบแล ได้กินชิ้นปลาอาหารอันใด เขาก็หากกินแล้ว เมื่อนั้นพระพุทธเจ้าไป่บังเกิด คนทั้งหลายไป่รู้บุญพระคุณพ่อแม่สักอัน กินเข้าก็บ่หนาย กินแลงกินงายก็บ่จำ
เมื่อนั้นผีแลคนยังเทียวกันกินงัวก็บ่หน่าย กินควายก็บ่จำ แถนจึงใช้ กล่าวแก่คนทั้งหลายว่าดังนี้ กินงัวกินงายให้ส่งขา กินชิ้นกินปลาให้ส่งรอยแก่แถน แต่นั้นคนทั้งหลายก็บ่ฟังคำแถหั้นแล แถนจึงใช้มาเปน ๓ ทีคนทั้งหลายก็บ่ฟังคำแถนหั้นแล แถนจึงให้น้ำถู้มเมือบน ชายบินมนเมือฟ้า ปู่ลางเชิงทั้งขุนคาน ขุนเคก จึงรู้ว่าแถนเคียด เขาจึงเอาไม้ขาแรงเยดพวง เขาจึงเอาลูกเอาเมียเข้าพวงนำน้ำขึ้นเมือจึงบอก ? ลง เขาจึงเมือไหว้พระยาแถน แถนจึงถามเขาว่า สูมาเยดสัง เขาจึงกล่าวว่า ข้าแก่เจ้ากู น้ำถูมถ้วมไทเมืองลุ่มตายหมดดาย แล้วตูข้าจึงเอาไม้ขาแรงเยด
แบบเรือนเอาเยดพวง ผู้ข้าก็จึงขวี่พวงขวี่แพมาคูงฟ้า ตูข้าก็ตัดฟ้าบ่องเปนช่องเปนทาง ตูข้ามาไหว้เจ้าด่าย แถนจึงว่ากูว่าแก่สูเพื่อยันแล้วกินเนื้อให้ส่งขา กินปลาให้ส่งรอยสูบ่ฟังบ่นับฟ้านับแถนเปนเยนแก่สู่แล้ว แถนหลวงจึงให้เขาไปอยู่กับแถนลอ แต่นั้นน้ำจึงแห้งเปนดินแล เขาจึงเมือเฝ้าแถนหลวง เขาว่าขอแก่แถนแด ตูข้อยอยู่เมืองฟ้าบ่แกว่น แล่นเมืองฟ้าบ่เปนดาย ขอแก่พระยาแถนเจ้า เอาตูข้อยไปส่งในเมืองลุ่มแด แถนไอดีแถนจึงให้ควายเขาหลูแก่เขา เขาจึงเอามาส่งที่ตังลอ เขาจึงอยู่ที่นั้นเขาจึงเอาควายเขาหลู เยดนากินเข้าได้ ๒ ปี ๓ ปี ควายเขาหลูก็ตายเสียแล เขาจึงละเสียอยู่บ่นานท่อใด เคือหมากน้ำ ก็
เปนในรูดังควายแล้วจึงเปนหมาก ๓ ลูก หมากน้ำนั้นใหย่ประมาณท่อริน เมื่อหมากน้ำสุก เสียงคนนันก้องในหมากน้ำนั้น ปูลางเชิงทั้งขุนคาน จึงมาเผาชีแดง ชีหมากน้ำคนจึงออกมาแล ออกบ่เบิงขุนคานจึงเอาชิวมาชวีให้เปนรูกว้างวา ๑ คนจึงออกในรูสิ่ง ๓ วัน ๓ คืนจึงหมด ปู่ลางเชิงจึงผ่าหมากน้ำ จึงเห็นช้างเห็นม้า ทั้งผู้ยิงผู้ชาย ผู้ออกในรูชี เปนสองหมู่ หมู่ ๑ ชื่อไทเลใ หมู่ ๑ ชื่อว่าไทวี หมู่ออกในรูสิ่ว ๓ หมู่ หมู่ ๑ ชื่อว่าไทเลิง หมู่ ๑ ชื่อไทลอ หมู่ ๑ ชื่อไทควาง แต่นั้นปู่ลางเชิง จึงเอาเขาก่อทำไร่นากิน เขาจึงบังเกิดมีตันหา เขาจึงมีลูกเต้าดังกัน ลูกยิงก็หลาย ลูกชายก็แพร่ แต่นั้นปู่ลางเชิง จึงบอกสอนเขาให้เขารักพ่อรักแม่เขาให้เขาก่อทำไร่นาเลี้ยงพ่อแม่
เขาแล // เหิงนานไปพายหน้าลางคนพ่อตาย ลางคนแม่ตาย ปู่ลางเชิงจึงบอกให้เขาไหพ่อแม่เขา หมู่เขาออกในรูสิ่วให้เผาเสียแล้วแปงเถียงใส่ ก่อดูกไว้ให้ส่งเข้าน้ำ หมู่ออกรูชีให้ฝังแล้วแปงเถียงไว้ให้ส่งเข้าน้ำหั้นแล ปู่ลางเชิงจึงสอนเขาให้ทอชิ้นปลาเลี้ยงพ่อแม่ ให้แต่งเผิงเข้าน้ำ ทอเหล้าไปตั้งหน้าห้องให้เรียกพ่อแม่เขาผู้ตายมากิน จ้ำเข้าใส่รูช่องแล้วให้ฟายเหล้าแก่พ่อแม่ฝูงตายมากิน แตนั้นคนผู้ออกในรูสิ่วรูชี ก็เปนไพ่กับแล แต่นั้นคนก็มากหลายนัก ท่อหาท้าวพระยาบ่ได้ ปู่ลางเชิงทั้งขุนคานสั่งสอนก็บ่แพ้ แถนจึงให้ขุนคูขุนควงมาเปน พระยาแก่เขา ขาสร้างบ้าน
ก็บ่เปือง สร้างเมืองก็บ่กว้าง ชู่วันชูกินเหล้าชู่มื้อชูเท่านมนางอยู่แล แถนจึงมาเรียกขาเมือบนหน ขาเมือฟ้าแล้วแถนจึงแต่งขุนบูรมลงมา แถนจึงแต่งช้างงาแก้ว งากอดให้ขุนบูรมขวี่ลงมา แถนจึงแต่งขุนทั้งหลายลงมาแห่ / ขุนเสิมถือแพนดอนแห่ /ขุนคานถือหน้าแห่ / ขุนคีถือค้องรางงาวแห่ / ขุนเมืองถือตาว รางกอนแห่ / ขุนทองถือดาบฝักหวายแห่ / ขุนเวนถืองาวบายไชแห่ / ขุนพีถือเกิมฝักคำแห / แต่นั้นแถนจึงแต่งเมียให้ขุนบูรม ๒ นาง ผู้พี่ชื่อนางอกเคง ผู้น้องชื่อนางยมพรา เมื่อจักลงมานั้น ขุนบูรมจึงสระพายตาวเมวี กับมีดน้อยส้อยเรียน ขึ้นขี่ช้างงาแก้วงากอด จึงให้นางอกแคงขวี่ถัด แล้วนางยมพราขวี่ ถัดนางอกแดงแล
แถนจึงแต่งขุนสามขวี่ทายช้าง ขุนอ้ายจึงถือจกถือเสียมลงมาตาม ขุนยี่ถือพรามดีลง ขุนควงถือขวางถือแชก?ลง ขุนอุนถือไก่ดอนลง ทั้ง ๔ ขุน นี้ตามหลังช้างแล เขามาอยู่นาน้อยอ้อยหนูหั้นก่อน แล เขาก่อธำไร่นาที่นั้นกินก่อนแล ขุน บูรม จึงต้านจาขุนทั้งหลายว่าเราจักเรดสิ่งใดให้มีอันนุ่งอันกินชาม อันนึงคนทั้งหลายออกมาในน้ำในป่านี้มากนัก เราจักริจักติให้พอห่มพอปกเขานิชาม ขุน บูรมจารจาขุนทั้งหลายดังนั้น คนหมู่ออกมาในน้ำในป่านั้น ผู้หลักเขาเมือเปนลูกมาขาคนขุนบูรมผู้ใบ้เขาก็ออกเมือเปนไพ่เปนบลาขุนบูรมแล เมื่อนั้นขุนบูรมก็ดูหนักอกหนักทวงนักแล จึงหาขุนทั้งหลายมาอือมายินกันว่า เมือให้ขุนคูขุนควงลงมาวันนั้น แต่งบ้านก็บ่เปืองแต่ง
๑๐
เมืองก็บ่กว้าง แถนจึงเรียกขาเมือบนหน ขาเมือฟ้าดังเก่ากี้ดาย ที่นี้แถนเล่าให้เราพี่น้องลงมากกมาหอมเขานี้ แล้วมาเห็นคนนี้มากกว่าซายหลายกว่าน้ำเรวนี้ เราจึงคึดหมเขานี้เปนดังบ่รอดดาย ถามาเราใช้เสิมเมือไหว้แถนเล่าอาการที่จักให้คนทั้งหลายได้นุ่งได้นอน เราเห็นคนเมืองลุ่มนี้ดูแคนนัก ขุนบูรมจึงใช้เมือไหว้พระยาแถนหลวง จึงเล่าชู่ประการแล้ว พระยาแถนจึงให้แถนแต่ง ทั้งพิสนูกันเจ้าลงมาขาแตงอันจักมาเขนพ้าเขนขวาน เอาทังทังตี คืมชวี (ไม่ชัด) เสื้อผ้าเคื่องนุ่งชู่อัน แล้วจึงมาริดจะนาอันให้นุ่งตนว่าฟัดแลขากงอันจักยิงอยาย เปนลอมฝ้ายหลาอันจักปั่นกวักแกว่ง ไม้หลักหูกฟืมหวากี่สวย เปนกี่เชือกหูกชู่อัน จังให้แอบฝ้าย
๑๑
ฝัดฟายให้ก่อทำเปนแผ่นเปนแพ อันนุ่งอันไบถ้วนทุกอันแล้ว แถนแต่งแล้วจังสั่งขุนบูรมให้เปนท้าวเปนพระยาในเมืองลุ่มแล ชาวเลมให้ออกเลม ชาวลอให้ออกลอ ชาววีให้ออกวี ชาวควางให้ออกควาง ชาวเลิงให้ออกเลิง แถนแต่งจึงว่าก่อขุนบูรม กินชิ้นให้ส่งขา กินปลาให้ส่งรอย ให้เยดแหวนเยดวีนเมืองส่ง ก่อล่ามซ้ายล่ามขวา มื้อรวงให้กกำก่อพ่อชาย มื้อรายให้กำก่อผู้ยิง เดือนให้คำพืนกดกาบ เดือนยี่ให้คลำพืนเต่ารวาย พักบาดพ้าอย่าราน พักบาดขวานอย่าปล้ำ แถนแต่งจังสั่งสอนขุนบูรมแล้วก็ขึ้นเมือฟ้า จึงเล่าพระยาแถนหลวงชุอันแล พระยาแถนหลวงจึงถามว่าเคื่องเวลาอันจักเหล้นมีชูอันรู้ไปแถนแต่งว่า เผือข้อยไป่ได้แต่งแถนจึงให้ เจ้าสีคันทัพพระ ลงมาสั่งสอน
๑๒
คนเมืองลุ่ม จังมาริจจนาเปนค้องเปนกองปี่แคนพินพาดสวรไลแตรตูด กันสับ ประดับทุกเยื่องเคื่องเสบหลิ้นในเมืองลุ่มทุกประการ เสียงค้อง กลองเสียงเสบทั้งหลายก็มี่นันรอดทุกแห่งแล้ว เจ้าสีคันทัพภะจึงเมือไหว้พระยาแถนว่า เคื่องอันใดในเมืองลุ่ม ก็มีทุกประการแล้ว พระยาแถนจึงว่าแดนแต่นี้ เมือหน้า อย่าให้เขามาป่องมาเทียวเราทอน จึงให้แถนทั้งหลายไปตัดขัวหลวงแรงกายหลายหลวงแรงเทียวเสีย ให้ทับทางเสีย ผีอย่าเทียวคน คนอย่าเทียวผีทอน แต่นั้นขุนบูรมจึงสร้างบ้านสร้างเมือง เปนท้าวเปนพระยาก็รุ่งเรืองเหิงหานนานยาว คนทั้งหลายก็มีลูกเต้าดังกันแล แต่นั้นเครือเขากาด จึงเกิดมีในหนองแห่ง ๑ แลเดินสูงขึ้นได้โพด แต่นั้นเขากาด กลาบังไวร่มเมือง ทุกโคกน้ำแห้งหอด
๑๓
เขินซาย ยังเสียงเนืองนันที่ในกวงไม้ทั้งหลาย ใหวานไลเราเมือง ขาจึงไคคาดทางเมือบลำทางควร ทุกเยื่องรายลำยิงขวงเขด สองขาตายเพือฟัน เข้ากล้าผลควรให้ส่งซการแวนเทียว เขาจึงฝังฝายกลาเคือเขาคนทวร ไว้ขัดเขาขวันเนื้ออยู่ดี แต่นั้นขุนบูรมจึงมี ลูกดังนางอกแคง ๓ คน ผู้ ๑ ชื่อขุนชวา ผู้ ๑ ชื่อเจดเจิง ผู้ ๑ ชื่อ ท้าวกมท้าวทาบก็ว่า มีดังนางยมมพะรา ๔ คน ผู้ ๑ ชื่อผาลาน ผู้ ๑ ชื่อจูสง ผู้ ๑ ชื่อท้าวพง ผู้ ๑ ชื่อท้าวอิน แต่นั้นสร้างบ้านก็ยังเปือง สร้างเมืองก็ยังกว้าง ขุนบูรมจึงว่าแก่ลูกทั้งเจดชายว่าสูพี่น้องนี้ ใหย่พอสร้างบ้านสร้างเมืองแล้ว ก็จึงมาปันของให้เขาพี่น้องทั้งเจดชายนั้น ช้างงาแก้วงากอดก็ตายแล้ว จึงเลื่องาก้ำขวาท่อนกกให้ขุนชวา ทั้งคองรางชาว
๑๔
ท่อนกางให้เจิง ทั้งตาวรางกอน ท่อนปลายให้ท้าวกม ทั้งดาบฝักหวายท่อนี้ลูกนางอกแคงแล ก้ำซ้ายท่ อนกกให้แก่ยี่ผาลาน ทังมังคันคำ ท่อนกลางให้แก่สามจูสงทั้งเกิมเกิบ ฝักคำ แก่ไสพง ทั้งแพนดอนท่อนรัด ปลายให้แก่ท้าวอิน ทั้งง้าวฝักคำดำดำคำแล ขุนบูรมจึงว่าแก่ลูกทั้งหลายว่า เราพ่อลูกอยู่นาน้อยออยหนูที่นี้ก็ดูคับนักดาย กูจักชี้ที่ให้แก่สูพี่น้อง ไปสร้างเมืองที่กว้างทอน สูทั้งเจดนี้หากลูกกูดาย บุรผู้ใดมีก็ได้ที่กว้าง บุรผู้ใดบ่มีก็ได้ที่แคบ พ่อเขาจึงอุทธิสระถานให้แก่เขาว่า แต่นี้เมือหน้า ผู้ใดยังเอาริพนไปรบไปประจนกันดาย ชั่วมันอย่ารีปีมันอย่ากว้าง แหงนเมือบนให้ฟ้าผ้า ค้อยเมือป่าให้เสือกิน ปลูกไม้ก็
๑๕
ยาทันตายปลูกหวายก็ยาทันหล่อน ชั่วมันยารีปีมันยากว้าง สูพี่น้องนี้ลูกพ่อเดียวกันดาย ยาผิดยาของกัน เมืองอ้ายไว้ก็อ้าย เมืองยี่ไว้ก็ยี่ เมืองสามไว้ก็สาม เมืองผู้ใดไว้ปก่ผู้นั้นทอน นานไปขุนบูรมก็ตาย นางอกแคงก็ตาย นางยมพะราก็ตายแล้ว แต่นั้นเขาพี่น้องจึงสั่งสอนกันเราถ้าหมั่นถามข่าวอาวรักกันทอน เขาพี่น้องสั่งสอนกันแล้ว อ้ายชวาจึงล่องมาสร้างเมืองชวา ยี่ผาลานจึงเมือเมืองห้อ สามจูสงจึงเมือสร้างเมืองแกว ไสพงจึงเมือสร้างเมืองยวน ท้าวอินเมือสร้างโยทิยา ท้าวกมเมมือสร้างพาววายังสา เจดเจิงเมือสร้างเมืองพวนแล แต่นั้นอาวชวามีลูกชายเรียกชื่อท้าวพียา ท้าวพียามีลูกชื่อท้าวยี่ว่าแล ท้าวกันรางยีวาบ่ได้ เปนพระยาตกเมือง
๑๖
นานดอมเผีย เขาจึงเอาท้าวกันรางเปนพระยา ท้าวกันรางมีลูกชื่อท้าวลูลี ท้าวลูลีมีลูกชื่อท้าวระวัง ขุนลอมารบกับท้าวกันราง จึงเอาลูกหลานหนีเมือเพิ่งข่าแล ขุนลอผู้รบท้าวกันรางแพ้นั้น จึงตั้งเมืองชวาก่อนทั้งหลาย จึงมา ? ตาม/ขุนชวา/ขุนชวาย/ขุนคอง/ขุนคู/ขุนคลวง/ขุนคาง/ขุนแพง/ขุนเพิน/ขุนอูร/ขุนคาน/ขุนเคก/ขุนรูง/ขุนรูงหนีเสียเมืองชวา ๓ เทื่อแล้ว / รอมขุนได้ ๑๕ ขุน อยานั้นมาท้าวแท่นท้าวยูงท้าวเยิกท้าวพีนท้าวพาด ท้าวหลางแล้ว เขาจึงเอาท้าวละวังมาตั้งเปนพระยาแล้ว ท้าวละวังมีลูกชื่อท้าวผง ท้าวผงมีลูกชื่อท้าวผีฟ้า บ่ได้เปนพระยา ผีฟ้ามีลูกเปนฟ้างู้ม ฟ้างู้มมีลูกเปนพระยา ๓ แสนไท ฟ้างู้มเปนพระยาได้ ๒๑ ปีตกเมืองเสีย
๑๗
พระยา ๓ แสนไทเปนพระยาได้ ๔๘ เข้า พระยาลานคำแดงเปนพระยาได้ ๑๑ เข้า พระยาพรหมทัดลูกพระยาลานคำแดงเปนพระยาได้ ๔ เดือนข้าเสีย พระยาบาเปนพระยาได้ ๕เดือนปงเสีย พระยาหมื่นเปนพระยาได้ ๘ เดือนปลาย ๒๐ วันผูกคอตาย ฟ้าไคลูกท้าวคีเปนพระยา ๘ เข้าข้าเสียที่สบคาน เจ้าเสียงสา ? เปนพระยา ๘ เข้า เปนรูงตายในเชียงทอง พระยาไชยะจักแผ่นแผ้วเปนพระยาได้ ๔๘ แล้วตกเมืองไปตายในเชียงคาน ปีกัดไค้เดือน ๕ ออก ๑๓ ค่ำมื้อก่าไค้ลูกอ้ายเปนอุปปเยาวราชตางตน ได้ ๒๐ เข้า ตายในเมืองชวาเพื่อรบแกว พระยาสุวัณณปาลังก็ตายในปีรวายซะงา เดือน ๕ ออกสองค่ำยามเดิกคนขึ้นเรือนหมด พระยา
๑๘
หล้าเปนพระยาได้ ๑๑ ปี ตายในเชียงงามปีรวายสี พระกุมมารณีไชยะ เปน พระยาได้ ๒๒ ปี ตายในปีกดสี พระโพธิสารราชเปนพระยาก็ปีนั้น เปนพระยาได้ ๒๘ เข้า ตายปีเมิงมด เดือนยี่ขึ้น ๑๑ ค่ำ วัน ๕ เริกภรนีมื้อเปิกไจ้ ยามวันเที่ยง เมื่อฟ้างู้มเปนพระยา อ้ายเวียงผา เปนแสน อ้ายเวียงผาตาย เอานาแสนชำมาแทน นาแสนชำตายเอายี่ใบมาแทน เชามาเปนหมื่นหลวง หัวฟัน งูแสนเปนซ้าย กืบเปนขวา บาขันเปนหอหลวง บาคำเปนหอกลาง จึงใส่หอแหใต้หกสามสิบราวแล เจ้าหอกินเงิน ๕ ชั่งกาน เอาจ่าหอกินเงินขันปลาย ๕ เบี้ย กวานราว ๕ ชั่งขัน บาวราวกินขันปลาย ๔ เบี้ย แต่ ราวทั้งมวลกิน ๘ หมื่น
๑๙
ปลาย ๓ ร้อย จ่าหอกินเงินห้าร้อยปลายห้าขัน ชังกานเอาสังโรมเงินทั้งมวลได้ ๙ หมื่นปลาย ๓ พัน หอไชหอไตหอนำหอกลอง ไร่นาบ้านข่วงให้แก่เขา เขาบ่ได้กินเถิงตามระบินฟ้างู้มดังนี้อายุได้ ๕๘ ตายหั้นแล พระยา ๓ แสนไทเกิดปีรวายสัน ได้ ๑๘ เข้าเปนพระยาปีเต่าไจ้ มื้อรับไค้ เดือน ๖ ออก ๓ ค่ำ พระยาฟ้างู้มตกเมืองก็ปีเดียวนั้น ยีโปก็ยังเปนแสน พราหมก็ยังเปนหมื่นหลวง ยี่โปตายเอาอกมาแทน แสนตายเอาฟ้าเชียงมาแทน ชายกิมตายเอาท้าวบาวมาแทน พราหมตายเอาเชามาแทน แต่นั้นหอหลวงขึนชื่อว่าพูมใต้ หอกลางขึ้นชื่อว่าพูมเหนือ แห่หน้าขึ้นชื่อว่าภูมหน้า เชียงใต้แลแหหลัง ขึ้นชื่อว่าภูมหลังแล เชียงเหนือ
๒๐
หอกางว่าพวกขัน หอแหก็ยัง ๖ หอ หอไชหอนำ หอไต ยังดังเก่ารับนี้ พระยา ๓ แสนไทดังนี้แล // อายุได้ ๖๐ ปีตายปีรวายสันเดือน ๖ พำมื้อรวายสัน เมื่อพระยา ๓ แสนไทก็ให้ตาดูริพลทั้งหลาย ทั้งห้าหัวเสิก แต่พลไทได้ ๓ แสน แต่พลข่าได้ ๔ แสน สังโรมได้ ๗ แสน ให้เปนคนลำหอกเสิกคนรบ ๓ หมื่น คนถือหาบเข้าถงแลหัวเสิกแลสองหมื่น ทั้งใน ๕ หัวเสิกได้คนรบแสน ๕ หมื่น คนถือหาบทังเข้าถงทัง ๕ หัวเสิกได้คนแสน ๑ าไว้เฝ้าเวียง ๕ หมื่น แลหัวเสิกแลหมื่น ท่อนี้บ่เอาไปเสิกบ่นับแล พระยาล้านคำแดงเกิดปีเมิงไส้ เดือน ๙ แรม ๔ ค่ำ มื้อเปิกซะงา ยามเข้านอนได้ ๔๐ เปนพระยาปีรวายสัน จึงมาเชียงชอบเปน ๗ กอง เชียงเงินเปน
๒๑
๓ กอง ให้เปนนาหอ ใส่หอได ๖ หอแถมแลหอแลสิบ ๖ ราว สมเดจพระยา ๓ แสนไทเปนพระยาหมื่นนาก็อันเดียว หมื่นช้างก็อันเดียว สองต่าเรินพวกแพน พวกดาง พวกพาด พวกขัน หอนำ หอกลอง พระยาล้านคำแดง จึงผ่าหมื่นนำให้เปนสองอัน หอไตสองอัน จ่าเรินสี่พัน เดกชาย ช้างขาย คำเรียว ขวาหลา หมื่นเทด นาเปนภูมใต้ เวิยเปนภูมเหนือ รับนี้พระยาล้านคำแดงดังนี้แล อายุได้ ๘๐ ตายปีเปิกสันเดือน ๖ มื้อรับเปล้า พระยาไชยยะจักแผ่นแผ้ว เกิดปีรับมดเดือน ๑๒ ออก ๔ ค่ำ ได้ ๑๔ เปนพระยาปีเมิงไส้ แสนท้าวชายมูยขวาไคเทด ยังเปนหมื่นหลวง ลือเปนภูมใต้ ลกเปนภูมเหนือ เปนพระยาได้ ๒๓ เข้าจึงตาย อายุทั้งมวลได้ ๖๔ เมื่อเปนพระยามูนตีทิพพทั้งหลาย
๒๒
ฝูงนี้ตำนานอันนี้ออกขุนบูรมมราชาก็สระเดจท่อนี้ก่อนแล // บัดนี้จักกล่าวตำนานแต่ท้าวชวาเปนลูกขุนบูรมมาสร้างบ้านแปงเมืองในเชียงดงเชียงทอง เมืองชวานั้นสร้างบ้านก่อเรืองสร้างเมืองก่อกว้าง ท้าวชวาจึงไขลูกเปนยีบา ถัดนั้นมาพีลา ถัดนั้นมากันราง มาท้าวลีว มาท้าวลอง มาท้าวลือ มาฟ้ายาง มาพานคำ มาอูนอง มากองกน มาท้าวผง มาผีฟ้า มาฟ้าแล มาเมืองพวน ลูกขุนบูรมผู้หล้าชื่อว่าเจดเจิง มากินในเชียงหวง เชียงหวา สร้างบ้านก็เรืองสร้างเมืองก็กว้าง ๗ เจิงไขลูกเปน ๗ เจียง ถัดนั้นมาเจดจิว มาท้าวเพือ มาท้าวเพิง มาท้าวเรือ มาท้าวเรือง มาท้าวขีว มาท้าวขวาย มาท้าวสูม มาท้าวสอ มาท้าวเมง มา


๒๓
ท้าวขอม มาท้าวไก มาท้าวเคียง มายีหนี มาคำวัง ขาพี่น้องกัน ยี่หนี เปนท้าว ในเชียงหวาง คำวังกินเมืองโม ยามนั้นพระยาผงกินเมืองล้านช้างก็บ่ฟังความกินความเสงผู้เถ้าผู้แก่ ลวดเอาริพลมารบมาแลวท้าวยี่หนีในเชียงหวาง เมื่อนั้นยี่หนีมีลูกชาย เจดคน ผู้ ๑ ชื่อว่าท้าวน้ำ ผู้ ๑ ชื่อว่าท้าวแถม ผู้ ๑ ชื่อว่าท้าวเถียวคำยัง ผู้นึงชื่อว่าท้าวนาน ผู้ ๑ ชื่อว่าท้าวพาย ผู้ ๑ ชื่อว่าท้าวสัน ผู้ ๑ ชื่อว่าท้าวบดี เล่ามีลูกยิง ๒ คน ผู้ ๑ ชื่อว่านอยนอด ผู้ ๑ ชื่อน้อยลาวแล พระยาผงจึงให่มาเลวได้ ยี่หนีทั้งลูกชาย ๓ คน คือว่าท้าวนำท้าวแถม เขาข้าเสีย เลาได้ทั้งเมียยี่หนี ผู้ ๑ ชื่อว่านางสวาน ได้ทั้งนอยนอดลาว เขาเอาหนีเมือชวา พระยาผงจึงถามนางสวานว่าดังนี้
๒๔
เขามว่ามึงยาชนชางงางพาย เมื่อพระยาเพาเอาพลเมือรอดท่งลาดรวงนาบายามนั้นมีแท้ลือ มันว่าก็มีแท้แก่ยาแล้ว พระยาเล่าถามว่าลูกมึงมีกี่คน ผู้ใดตายผู้ใดยัง มันว่าลูกข้อยเจดคน ท้าวนำ ท้าวแถม ท้าวนานลาวข้าเสียแล ยังท่อท้าวเถียวคำยัง ท้าวพาย ท้าวสัน ท้าวประคือ ๔ คนนี้ยังแล เขาถามว่าท้าว เถียวออกปีใด นางว่าออกปีเต่าเสด มื้อรวายไจ้ ก็ยาดาย เขาจึงทวายว่าท้าว เถียวนี้ไทเมืองชวา ยังยังจึงรอรดอมมันร้ายนักดาย ว่าดังนี้ เมื่อนั้นพระยาลวดให้เถ้าฟ้าลงมากินเมืองพวน ใส่ชื่อหนามมากินถวนแล เมื่อนั้นท้าวเถียวคำยังออกหาพระยาเพาผู้กินเมือง กัณฑเวรุ ไทว่าเวียงไม้ไผ่หนาม เหดว่าเขาปลูก
๒๕
ไม้ไผ่หนามล้อมเมืองทั้งมวล มันจึงอุปถากแก่พระยาเพาหั้นแล เมื่อนั้นพระยาผงมีลูกชายผู้ ๑ ชื่อว่าผีฟ้า ผีฟ้านั้นเล่ามีลูกชายผู้ ๑ ชื่อว่าฟ้างู้ม เมื่อนั้น ผีฟ้าจึงคบเมียพ่อมันผู้ชื่อนางขอม พระยาผงผู้พ่อจึงเคียดว่าจักข้าเสีย หมื่นแสนทั้งหลาย จึงห้ามให้ขับหนีจากเมือง จึงให้หอไชโลทั้งเถ้าก่อโยยทั้งเถ้าขานเถ้าคำไปส่งผีฟ้า ทั้งฟ้างู้มเสียพายลีผี ขาจึงไปรอดเมืองอินทะประถะนครหลวงพู้นแล เมื่อนั้นขาพ่อลูกจึงไปจอดอยู่ในกุดีมหาเถรเจ้าตน ๑ กุมมารฟ้างู้มนั้นนอนหลับกนเสียงหายใจออกตองลองตองกอง เปนดังเสียงดุริยะนนตรีนั้น มหาเถรเจ้าจึงทำนายทวายว่าท้าวผู้นี้ยังจักได้เปน ท้าวเปนพระยาตนลือชาปากคะ มากนักดีหลีแล
๒๖
เหดว่าท่านก็ยังเปนราชวงสาดาย เมือนั้นคำอันนั้นก็ลือชาปลาคะรอด พระยาเอกราชตนเสวยสัมปัตติในเมืองอินทะปัตถะนครหลวง พระยาจึงให้เอากุมมารฟ้างู้มเมืออุปถากตนแลสั่งสอน แต่นั้นพระยานครหลวงก็หันกุมมารนั้นยังรู้หลักแก้วหานนัก ก็จึงให้ลูกสาวแห่งตนแก่กุมมารฟ้างุ้มนั้นหั้นแล เมื่อนั้นพระยานครหลวงจึงถามกุมมารฟ้างุ้มอันเปนลูกเขยแห่งตนว่า ดูราเจ้ากุมมาร กูพ่อจักให้เขยเจ้าพ่อลูกเมือเปนท้าวเปนพระยาในเมืองล้านช้างพู้น ก็หากแม่นบูรานเมืองปู่เมืองย่าเถ้าแก่เขือเจ้าดีหลีดาย เขือเจ้ายังอาดจักเมือได้บ่ชา ฟ้างู้มจึงกล่าวว่า ผี้มหาราชเจ้ายังให้ริพลแก่เผือขาดั่งนั้น เผือขาก็อาจเมือได้ดีหลีแล
๒๗
เมื่อนั้นพระยานครหลวง จังแต่งริพลช้างม้าให้แก่ขาพ่อลูก คือว่าผีฟ้าแลฟ้างุ้มหั้นแล เมื่อนั้นขาพ่อลูกจึงขึ้นมารอดเมืองกระบอง จึงใช้ข่าวสานเมือหาพระยา ๓ เกิง อันกินเมืองกระบอง เผือพ่อลูกนี้หากเปนเชื้อท้าวพระยามหากระสัดตนเสวยสมบัดในเชียงดง เชียงทองพู้นดีหลีแล บัดนี้พระยานครหลวง เจ้าก็ค้ำวงเผือพ่อลูกเมือเปนท้าวเปนพระยาสืบประเวนีวงสา ในเมืองล้านช้างดีหลี อาวเรายังจักพอมเผือพ่อลูกก็ให้แต่งริพล เมือกับเผือเทิน ผิบ่พอมก็อย่าว่าดังนี้ เมื่อนั้นพระยา ๓ เกิงว่าดังนี้ บัดนี้พระยาผงตนเปนปู่เปนพ่อเขือเจ้าก็ยังตั้งอยู่เปนท้าวเปนพระยาดาย ตูบ่พอมแล เขือเจ้าพ่อลูกเปนเหดว่ากลัวพระยาผงแล ว่าดังนี้ เมื่อนั้นพระยาฟ้างู้มจึงเคียดว่า สูบ่พอมก็อย่าหากยัง
๒๘
จักรู้ภายหน้า ชามว่าดังนี้ แต่นั้นขาเล่าขึ้นมารอดพำรุงเชียงสา จึงเมือส่งข่าวแก่พระยาติโคตะบอง ไหว้พระยาสามพอบลินพำรุงให้พอมก็บ่พอม แต่นั้นขาเล่าขึ้นมารอด เถ้าช้างแก้วกินห้วยหลวงก็ว่าบ่พอม ขาเล่าขึ้นมารอดเถ้าหานเหล็กกินเวียงจัน ก็บ่พอม ขาจึงมารอดพระยาเพา ในเมืองกัณฑเวรุ เหดว่าเมืองปลูกไม้ไผ่ล้อมเมืองทั้งมวล ขาจึงส่งข่าวเมือหาพระยาเพาก็วา เขือเจ้าหากมีโทดจึงขับหนีดาย บัดนี้ให้ตูส่งตูบ่ส่งแล ว่าดังนี้ ฟ้างู้มว่าอ้ายบ่ส่งแท้ พายหน้าหากยังจักรู้ชามว่าดังนี้ เมื่อนั้นท้าวเถียวคำยอ ลูกยีหนียังอยู่อุปปถากพระยาเพา ที่นั้นจึงรู้ว่าผีฟ้าแลฟ้างุ้มขึ้นมารอด ท้าวคำยอจึงไป
๒๙
ต้านจารจา จึงก่ทำเปนมิดเปนสหายกัน ท้าวคำยอจึงว่า ผี้ว่าเขือเจ้าพ่อลูกเอาข้อยเมือเปนท้าวเปน พระยาในเมืองพวนก่อนดั่งนั้น ข้อยจักเอาริเอาพลในเมืองพวนเมือส่งเขือเจ้าพ่อลูก ให้รอดเชียงดงเชียงทองบ่อย่าชะแล เมื่อนั้นผีฟ้าแลฟ้างู้มแมนก็ดีแลว่าดั่งนี้ เขาพอมความกันแล้วจึงเมือส่งพระยาเพา พระยาเพาจึงให้เรือสองเหล้ม จึงให้ท้าวไคลถือหัวเรือลงมาสองวัน จึงรอดปากน้อยปากซัน เขาจึงขับเอาพลแต่ปากน้อยปากซันขึ้นเมือเลวเถ้าดำนำชือผู้กินเมืองซัน มันก็พ่ายไปตกเมืองโม มันเล่าชวนคำวังทั้งท้าวคัง ผู้กินเมืองโมมาเลวเขาเลวเล่าแพ้ จึงข้าคำวังทั้งท้าวคังเสียหั้น เถ้าดำนำชือจึงพ่ายหนีเขาจึงใส่ผู้ใหม่เลวเขาขึ้นมา
๓๐
รอดเมืองน้อย เล่าเลวเถ้าดำนำเมดก็แพ้ เขาเล่าขึ้นเมืองบอดแลวเถ้าหนามเพก็แพ้ เขาจึงขึ้นมาเชียงดีเลวเถ้าหนามเคิงน้อยก็แพ้ เขาจึงมาตั้งโรงอยู่ที่ลาดรวงนาบาหั้น เขาจึงขับเถ้าฟ้าลงทังหนามหนีถวน เขาจึงใส่บ้านใส่เมืองทั้งมวล จึงให้หนามยารังกินเชียงดีเปนหมื่น จึงอภิเสกท้าวเถียวคำยอให้เปนพระยาในเมืองพวนปีเต่าสี จุฬสักราชได้ ๗๑๔ ตัวหั้นแล ปีก่าไส้เขาจึงเอาผีฟ้าทั้งฟ้างู้ม เมือส่งจึงข้าควายเขางุ้มเขาเงียวกินกินกันเสงกัน จึงยำเลือดยำยาง จึงหาแลละ ๔ คนแล ๔ เบี้ย มาหล่อเบ้าเดียวกัน แล้วจึงตีเปนหลาบสุพันนะแล้ว ฟ้างุ้มจึงถือเงินคำพาย ๑ คำยอจึงถือเงิน
๓๑
คำพาย ๑ เถ้ากระโยยจึงถือเคิมทั้งตีจึงตัดทัดกลาง วางทันเคิ่ง จึงกล่าวคำเสง บัดเสงชือซึ่งกัน จึงขอดคำรักชักคำแพงแก่กัน แล้วจึงให้หมื่นหนาม ยารังถือพลไปส่งขาเจ้าพ่อลูกหั้นแล ฟ้างุ้มจึงขวี่ช้างแสนนางคอง หมื่นหนามจึงขวี่ช้างไตยะพลแสน เมือทางเมืองสวย ล่องเมือน้ำคาน ผีฟ้าจึงเมือทางน้ำอูน้ำเชิง จึงให้เถ้าพันพานไปส่งหั้นแล เมื่อนั้นพระยาผงรู้ข่าวว่าลูกหลานตนจักเมือชิงบ้านชิงเมืองดังนั้น ก็แต่งริพลมาต้อนรับต้อนเลว แต่แดนเมืองพอหลายเล่าหลายที ก็บ่แพ้เขา เขาเล่าลวดไล่เมือจนเมืองชวา เมื่อนั้นพระยาดูร้ายหากผูกคอตายในส้วมอาบหั้นแล เมื่อนั้นเสนาทั้งหลายรู้ว่าพระยาผงหากผูกคอตายดังนั้น เขาจึงไปเล่าแก่ฟ้างุ้ม
๓๒
แล้วราธนามาแทนอยู่หั้นแล เมื่อนั้นผีฟ้ามาทางเหนือไป่ทันรอด ฟ้างู้มเล่าให้ไปตอนข้าพ่อมันเสียที่ห้วยสบสาน น้ำเชืองหั้นแล แต่นั้นเสนาทั้งหลายจึงอภิเสกชื่อว่าฟ้างู้มหล้าธรณีสรีสัตตนาคหุตตในเชียงดงเชียงทอง ปีก่าไส้จุลลสักราช ๗๑๕ ตัว เมื่อนั้น เขาก็ใส่บ้านใส่เมืองบรมวลแล้ว หมื่นหนามจึงส่งมา พระยาฟ้างู้มยังให้ช้างพังนึงพาย ๑ เล่าให้ดามาหาพระยาคำยอ ๒ พาย ๒ พัง พระยาฟ้างู้มจึงเวนเมืองกาย เมืองชอง เมืองกา เมืองมอนเมืองลีกเมืองควางเมืองพุร ให้แก่พระยาคำยอที่นั้นแล เมื่อนั้นมีผู้ ๑ ชื่อกาวดาง กินเมืองชอง ผู้หนึ่งชื่อลาวซะทานกินเชียงไคล ขาบ่ออกมาหาฟ้างุ้ม เมื่อนั้นฟ้างุ้มจึงว่าแก่หมื่นหนาม ผี้
๓๓
สูไปเอากาวดางกับลาวซะทานได้ก่อนถ้าไว้เมืองแก่สู ตูจักแบ่งสู ผี้ตูเอาได้ก่อนไว้เมืองแก่ตู ให้สูแบ่งตูควาย ๑๐ ถึก ๑๐ แม่ ว่าดั่งนี้ เมื่อนั้นหมื่นหนาทาจึงมาคอบพระยาคำยอจึงว่า จักให้ผู้อื่นไปก็บ่เปน แล้วว่าดั่งนี้ จึงเล่าให้หมื่นหนามเล่า ขวี่ช้างไตยะพันแสนไปได้ ๗ วัน ๗ คืน จึงเอาเมืองชองได้แล้ว ลวดใส่ผู้อื่นกินเมืองแล้วจึงพัดมาลาวจึงแบ่งที่นั้นควาย ๑๐ เถิก ๑๐ แม่หั้นแล ฟ้างุ้มเสวยราชสมบัติได้ ๓ ปี จึงมี ลูกชายผู้ ๑ ชื่อว่าท้าวอุ่นเรือน ในปีรวายสันสักราชได้ ๗๑๘ ตัว ในปีนั้นพระยาฟ้างุ้มก็รำเพิงเถิงโทดแห่งท้าวพระยาฝ่ายใต้ อันให้มาช่อยแลบ่มานั้น ก็จึงขับริพลทั้งหลาย ล่องไปรบพระยายูงที่เมืองซาย ก็แพ้พระยายูงแล้วใส่พระยาใหม่ให้กินเมืองที่นั้นแล เล่าล่องไป
๓๔
รบพระยาจันดะละไพยะ อันกินในเวียงจันก็แพ้ เล่ารบพระยาเพาในเวียงกัณฑะเวรุนั้นบ่แพ้ เหดว่าเวียงอันนั้นไม้ไผ่หนามล้อมรอดทั้งมวล ฟ้างุ้มจึงติอุบาย ให้คนทั้งหลายตีเงินตีคำ ยัดหยอดปืนเกียงปืนมากนัก ก็ให้ยิงเข้าไปในเวียงหั้น ชาวเวียงทั้งหลายก็ได้หยอดปืนเกียงปืนย้อมเปนเงินเปนคำ เขาก็เอาเมือถวายแก่พระยาเพา เมื่อนั้นพระยาเพาว่า สูทั้งหลายอย่าออกรบให้เขายิงมา เมื่อใดปืนเขาหมดเขาหากจักหนีชะแล ยามนั้นยูท่างเราจักถางเอาเงินเอาคำแห่งเขาเทิน เมื่อนั้น พระยาฟ้างุ้มเล่าให้ยิงปืนเข้าเวียง นานประมาณ ๓ วัน ๓ คืน แล้วเขาจึงถอยหนีจากเมืองห้วยน้ำของ เมือรบชาวเมืองแกก็ได้แล้ว เล่าไปรบชาวเมืองดงเมืองยาง ก็ได้ เขาใส่บ้านใส่เมืองแล้วจึงขับ
๓๕
เอาริพลแต่นั้นคืนมาหั้นแล เมื่อนั้นชาวเมืองกัณฑกะเวรุนั้น เขาก็เผ้วถางไม้ไผ่เวียงเขานั้น เอาเงินคำยอดปืนเกียงปืนอันพระยาฟ้างุ้มหาให้ยิงเข้าไปนั้น ยามนั้นพระยาฟ้างุ้มก็รู้ข่าวว่าเขาเผ้วถางวางเวียงเขาเสียแล้ว ก็พัดเข้ามารบคันเขารอดก็ให้คนทั้งหลายถือทวนไฟ เข้าจูเวียงเขาก็ไหม้เปนช่องเปนช่องเปนทาง แล้วฟ้างุ้มจึงขี่ช้างแสนนางคร ลูเข้าในเวียง ยามนั้นพระยาเพาก็ขี่ช้างสร้อยนางฟ้า มันก็ผายออกมา พระยาทั้ง ๒ ก็ลวดได้ชนช้างกัน ขาแกว่งขอตีกันรบกัน ก็บ่อาดจักถืกจักถองไผได้ แม่นช้างตัวขาขวี่นั้น ก็บ่อาดจักพัดจักหนีได้จักตัว ที่นั้นพระยาทั้ง ๒ จึงร้องว่าแก่กันว่าสองรานี้มีกำลังคุรบุรก็เสมอกันดีหลีแลมาราเอากันเปนพี่เปนน้องกัน อย่ารบอย่า
๓๖
เลวกันเทิน คันว่าพระยาทั้ง ๒ เอาปัตติยานกัน ขานหมั้นแล้วจึงลงจากคอช้างมานั่งอยู่เหนืออาสนาอันเดียว หยุบมือถือนิ้วกันหั้นแล เหตดั่งนั้นคนทั้งหลายก็กล่าวคำเริงว่า ได้ถางเอายอดปืนเงินปืนคำอันพระยาฟ้างุ้มหากกทำอุปบายปางนั้นเปนปะวัตตินิมิดกล่าวว่าเวียงคำ แดนแต่นั้นมาเท้ากาละบัดนี้แล ถัดนั้นฟ้างุ้มเล่าล่องไปรบเมืองพำรุงเชียงสาก็ได้แล้ว เล่าไปรอดเมืองกระบอง รบพระยา ๓ เกิง ก็แพ้แล้วใส่บ้านใส่เมือง ก็บัวรมวลแล้ว เล่าไปรบเอาเมืองส่วยทั้งมวลว่าดั่งนั้น เมื่อนั้นพระยาอินทปัดถนครหลวงรู้ข่าว จึงใช้มาหาว่า ผี้ลูกเราแลมักเอาเมืองส่วยทั้งมวล ก็ให้มาหาเราผู้พ่อก่อน อย่ารบอย่าเลว เราหากจักเอาให้
๓๗
แก่ลูกเราแล ยามนั้นฟ้างุ้มจึงล่องไปรอดเมืองอินทปัดถนครหลวงพู้นเล่าแล ที่นั้นพระยาเอกราชนครหลวง ผู้เปนพ่อเมีย จึงกล่าวต่อว่า ผี้ลูกเราแลจักฟังคำสอนเราผู้พ่อแท้ ก็ยังจักปลูกเมือเปนท้าวเปนพระยาดั่งเก่า เมืองส่วยเมืองรานทั้งมวลก็จักให้แล ผี้บ่ฟังคำสั่งคำสอนเราแท้ เราก็บ่ให้เมือแล้ว ว่าดังนั้น เมื่อนั้นฟ้างุ้มจึงให้ปัตติยานขานคำว่า ผู้ข้าจักฟังคำสอนมหาราชเจ้าชู่ประการแล ว่าดังนั้น เมื่อนั้นพระยานครหลวงจึงนำฟ้างุ้มไปสู่อารามที่พระบางเจ้าตนสักสาด ยังมิดตาเล่าราดธนามหาเถรเจ้าป่าสหมัน ตนลุกแต่ลังกามานั้น ให้มาเปนประธานแล้ว ก็จึงให้คำสอนให้ตั้งอยู่ในราชธำสิบประการ อันมีสินแลทานเปนต้น แล้วก็



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น