วันเสาร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558

ตำนานนิทานเชียงดงเชียงทองเชียงหวาง ฉบับวัดแสนสุขาราม (หน้า ๓๘-๖๕)

๓๘
ส่งให้คืนมาหั้นแล ที่แท้อุปบัติเหตุการนิทานแห่งพระบางเจ้าองนั้น ผู้มีประหยาเพิงรู้ดั่งนี้ ตั้งแรกแต่พระพุทธเจ้าเราเข้าสู่ปถโมกขมหานครนิรพานไป ได้ ๒ ร้อย ๘ สิบ ๖วัดสา ในปีเต่ายี ยังมีพระยาตน ๑ ชื่อว่ามหาสีวราช ได้เสวยสัมปัตติในเมืองอนุราทธนคร อันมีในลังกาทวีปพู้น เล่ายังมีมหาเถรเจ้าตน ๑ ชื่อว่าจุลนาคะเปนอรหันตาขินาสวะเจ้าอยู่ในเมืองลังกานั้น ก็รมเพิงเถิงพุทธสาสนาอันจักเปนถาวรหมั้นคงไว้ ตราบต่อเท้า ๕ พันวัดสา เพื่อจักให้เปนหิตตประโยชนะ แก่คนแลเทวดาทั้งหลาย ก็จึงแปงพระพุทธรูปเจ้าอง ๑ มีสันสระฐานอาการดังเมื่อพระพุทธเจ้ายังทัวระมานไป ห้ามญาติพี่น้องทั้งหลาย คือว่าชาวเมือง
๓๙
กัปปิลพัด แลชาวเมือโกริยะนคร อันเอาริพลมารบแลวกันแทบหลิ่งน้ำโรหิณี เหดชิงน้ำนากันนั้น พระมหาเถรเจ้าแปงแล้ว เมื่อจักหล่อนั้น คนแลเทวดาทั้งหลายต่างคนต่างนำเอามายังเงินแลคำแลทองแห่งตน มากนัก ต่างคนต่างว่า เอาของผู้ข้าใสบ้างเอาของใส่บ้างว่าดั่งนี้ มหาเถรเจ้าก็ตะหมวดเอาวัตถุแห่งคนแลเทมาใส่ในเบ้าลูกเดียว หล่อเปนรูปพระพุทธเจ้าองนั้นแล เหดดั่งนั้น คนท้งหลาย จึงเอาประวัติตินิมิดอันคนทั้งหลายแลเทวดาทั้งหลาย มาขอให้เอาของตนใส่บ้างนั้น ลวดหมายชื่อพุทธรูปเจ้าองนั้นว่า พระบางเจ้าหั้นแล ไนยะนึงกรียาเอาวัตถุแล คนแลถองนั้น ก็ชื่อว่าพระบาง
๔๐
ก็หากเปนโวหารแต่ชาวลังกาทีปพู้นมาแล คันหล่อแล้วก็ให้ขัดสีดีบรมวล ดังพุทธรูปเจ้านั้น ก็ตั้งไว้เหนืออาดสนาอันดีแล้วแต่งเครื่องสักการะบูชากทำพุทธาภิเสก คนทั้งหลายมีพระยามหาสีวราชเปนประธาน เทวดามีพระยาอินเปนเค้า ชาวเจ้าทั้งหลายมีมหาจุลลนาคะเปนประธาน ก็ทำสักกระบูชามากนัก ๗ วัน ๗ คืน เมื่อยามก่อทำพุทธาภิเสกมหาจุลลนาคเถรเจ้าก็ราธนา สาริกธาตุพระสัพพัญญูเจ้าประหมานว่า ๔ ลูก ใส่ในกระอูบแก้วแล้วตั้งไว้เหนือไตคำ ก็ให้คนนำมาตั้งไว้ช่องหน้าพุทธรูปเจ้า แล้วก็อธิษฐานว่าดังนี้ พุทธรูปเจ้าองนี้ ผี้ยังจักตั้งอยู่ให้เปนหิตตประโยชนะ โผดคนแลเทวดาทั้งหลายไปตราบ
๔๑
ต่อเท้า ๕ พันวัสสาแท้ดั่งนั้น ขอให้สารีกธาตุทั้ง ๕ ลูกนี้เข้าอยู่ในอก พุทธรูปเจ้านี้เทอญ อันว่ามหาเถรเจ้าอธิษฐานดังนี้แล้ว ธาตุลูก ๑ ก็เสด็จเข้า ในหน้าผาก ลูก ๑ ก็เสด็จเข้าในคาง ลูก ๑ เสด็จเข้าในกลางอก ลูก ๑ เสด็จเข้ามือขวา ลูก ๑ เสด็จเข้ามือก้ำซ้าย แล้วกทำริทธิปาฎิหารเปนที่อัสสจัน แก่คนแลเทวดาทั้งหลาย ปางนั้นมากนักดีหลีแล ตั้งแรกแต่นั้นมา พุทธรูปเจ้ายังตั้งอยู่เปนที่บูชาให้แล้วคำมักคำปรารถนาแห่งคนและเทวดาทั้งหลายปางนั้น มากนัก ในลังกาทีปพู้น นานประมาณ อตีตสาสนาพ้นไปได้พันปลาย ๔ ร้อยวัสสา อาจารย์เจ้าทั้งหลายตั้งจุลลสักราชได้ ๒๐๘ ตัวปี รวายไจ้ ยามนั้นยังมีพระยาตน ๑ ชื่อสุปันน
๔๒
ราชา ได้เสวยสัมปัตติในลังกาทวีปพู้น ยังมีพระยาตน ๑ ชื่อว่าสิริจุรนทาได้เสวยสัมปัตติในอินทปัตถนครหลวง ในชมพูทวีปเรานี้แล พระยาทั้ง ๒ ก็ทำไมตรีติดต่อกันแล มีดังนั้น พระยาสิริจุรทาก็รู้ข่าวว่า พระบางเจ้าอันสักสาดย่อมให้แล้วคำปราถนาแห่งคนแลเทวดาทั้งหลายดังนั้น ก็จึงใช้ราชทูตไปขอราธนาเอาดอมพระยาสุปันนะอันเปนสหายตน ยามนั้นพระยาลังกาก็ให้ส่งพระบางเจ้าออกมาจากลังกาทวีปพู้น มาด้วยสระเพาตกชุมพูทวีปเราพี้ มารอดเมืองอินปถนครหลวงให้ เปนที่ไหว้ที่ปูชาให้แล้วคำมักคำปราถนาแห่งคนแลเทวดาทั้ง หลายในชุมพูทวีปเราพี้ แดนแต่นั้นมาหั้นแล บุพพนิทานํนิถิตํ // เมื่อฟ้างุ้มจักมาปาง
๔๓
นั้นก็จึงขอราธนาพระบางเจ้ามา ก็แต่งให้นบครบบูชารักสาทั้งมหาเถรเจ้า พระยานครหลวงก็ให้อนุญาดราธนาทั้งภิกขุ ๔ ตน สำมเณรเจ้า ๓ ตน ผ้าขาวฝูง บันบางทิด ๘ ตน คนคระหัดฝูงบัวระบัดก็ให้มา แม่นชาวนักบุญนักการทั้งหลายก็แต่งให้มากับฟ้างู้มปางนั้นมากนักแล เมื่อจักขึ้นมาก็ให้มหาเถรเจ้ามาทางเรือทั้งลูกมหาโพธิคือว่าไม้โพสลี อันมหาเถรเจ้าเอาแต่ลังกาทีปพู้นมา คนฝูงนักบุญทั้งหลาย ก็ขึ้นมาทางเรือกับทั้งมหาเถรเจ้าหั้นแล ฟ้างุ้มก็เอาพระยาขึ้นมาทางบก ดอมฟ้างุ้มมารอดเมืองเวียงคำหั้นแลพระยาเพาขอราธนาพระบางไว้ไหว้นบครบบูชารักษาแล ฟ้างุ้มก็ลวดวางพระบางเจ้าไว้กับ
๔๔
พระยาเพาที่เวียงคำหั้น ในปีเมิงเร้า จุฬสักราชได้ ๗๘๙ ตัวนั้นแล ฟ้างุ้มก็หนีเมืองทางเมืองพวน ยามสหายผู้ชื่อพระยาคำยอนั้นแล้วจึงลงมาเมืองชวา เล่าแลมหาเถรเจ้าขึ้นมารอดเมืองชวาแล้ว ก็จึงตั้งอารามอยู่แห่ง ๑ เหนือสบห้วยโรบหั้น แล้วก็ปลูกไม้สรีมหาโพธิเจ้าอันเอาแต่ลังกาทวีปมานั้น ที่คนทั้งหลายจึงหมายชื่อว่าวัดป่าสหมัน ตามชื่อมหาเถรเจ้าตนสร้างนั้นแล เมื่อฟ้างุ้มพัดมาอยู่เมืองชวาปางนั้น ได้ ๓ ปีก็เล่าลิดสีลธำคำสอนมหาเถรเจ้าเสีย แล้วลวดขับเอาริพลคนเสิกไปรบขาเล่าในเมืองรุรเมืองแบง ก็แพ้แล้ว เล่าเมือรบลูกอ้ายข่ากันรางแต่บูราน ผู้กินเมืองผาก็แพ้ เล่าเมือรบอ้ายบูมกำผู้กิน
๔๕
เมืองเหลือกก็แพ้ แต่นั้นเมืองล้านช้างก็วดเปนอันกว้างขวางนัก แต่ลีผีมาตราบต่อเท้าผาได ลวงกว้างวันออกรอดแดนโกยพู้นแล เมื่อนั้นพระบางเจ้าอยู่กับพระยาเพาในเวียงคำนั้น ยังมีวัน ๑ ช้างพระยาชับมันป่อยชะไปม้างวัดที่พระบางเจ้าอยู่นั้นเสียแล้ว เล่าเข้าไปชนไปแทงพระบางเจ้าดังนั้น พระบางเจ้าลวดกลิ้งตกแท่น แขนพระเจ้าก้ำซ้ายลวดตอบคดมาขวาน้อยนึงแต่ปางนั้นแล ส่วนดังช้างตัวนั้นมันเล่าชะออกไปป่าพู้น ก็พบช้างป่าตัว ๑ ก็ชับมันขาลวดชนกัน ช้างป่าตัวนั้นก็แพ้ช้าง บ้านเชตกขุมเหวที่ ๑ ลวดตายในเหวที่นั้น เปนสันทิดถีกำแห่งช้างตัวนั้น เหดมันไปชนพระตกแท่นหั้นแล ยามนั้นคนทั้งหลายฝูงอยู่เมืองล้านช้างก็บังเกิด อัสสจันซึ่งเตชสมพารพระบางเจ้า
๔๖
ปางนั้นหั้นแล เมื่อนั้นในเมืองพวนพระยาคำยอมีลูกชายผู้ ๑ ชื่อคำผง แม่ชื่อนางนาค พระยาคำยอจึงให้มาตั้งเรือนในเชียงหวาง จึงให้นางนางนักแลท้าวคำผงมาอยู่รักสาในกาลพายแต่นั้น หมื่นหนามยารํก็ตายเสีย ยังสั่งไว้ว่าให้ท้าวดำเยดหมื่นพระยาคำยอบ่ให้เยด ขาท้าวสันท้าวพะคือก็หวังจักเยดหมื่น พระยาก็บ่ให้เยด จึงให้เถ้าตาเลิกเยดหมื่นหั้นแล แต่นั้นท้าวสันพระคือจึงเคียด จึงไปว่าแก่นางผู้เปนแม่คำผงนั้น มาเราปองข้าพระยาคำผงเสียแล้วเอาลูกเจ้าคำผงเปนพระยาทอน เผือผู้อาวจักขันอาสาตางว่าดั่งนี้ นางนักว่าพ่อยังแลข้าพ่อเสียเราบ่เอาลูกเปนพระยาดังนั้น เราบ่เข้าใจแลว่าดั่งนี้ เมื่อนั้นนางรู้เหดอันนั้น จึง
๔๗
ยัดหนังสือหลงใส่ขันหมากพระยาคำยอว่า นางนักแลท้าวสันท้าวพระคือ เขาจากันจักปองข้าพระยาเสีย จักเอาเจ้าคำผงเปนพระยาว่าดั่งนี้ เมื่อนั้นพระยาคำยอเห็นหนังสือหลง บ่พิจารณาลวดเอานางนักมาใส่คอกไว้ ลวดยิงเสีย แต่นั้นท้าวสันพะคือลวดย้าน ขาจึงลักขี่ช้างชวนกันหนีเมือทาง ๕ รอยฟ้ากาด พระยาคำยอลวดให้เขาไปต้อนข้าเสียทั้ง ๒ คนหั้นแล แต่นั้นพระยาคำผงลวดให้ไปจัดเอาหน่วยเบี้ยในทงชันแลเมืองน้อยเมืองชัน มาไว้เชียงหวาง จึงไปอยู่ที่นาสองทางต้อนรบพ่อมัน จึงแปงเวียงที่รัวควาย ปันพระยาคำยอผู้พ่อมารบบ่แพ้ มันจึงไปเพิ่งฟ้างุ้ม ฟ้างุ้มจึงรีบมารอดเมืองเพียง คำผงจึงพ่ายหนี ข้ารางข้าตายพูนพระยาฟ้างุ้มจึงให้เถ้าน้ำบ่อซือ ทั้งเถ้าแถมคำถือพล ๓ พัน ถือสิ่วเงินสิ่วคำไปนำเอา
๔๘
จึงได้เมียคำผง ๒ คน ผู้ ๑ ชื่อนางพัน ผู้ ๑ ชื่อนางกอง เมื่อเขาจักทันนั้น ท้าวคำผงจึงให้ข้าช้างคุนเมือง ให้ปาดชี้นเรดปิ้งไหลน้ำเสีย จึงประไมหะปิ้งไว้อธิบายพระยาคำผง กทำปิ้งชิ้นช้างนั้น ให้ว่าคนหลายกินชาก็ยังหมดดาย ให้เขาฝูงนำอย้านหั้นแล แต่นั้นคำผงจึงเมืออยู่แชภูมชนานกาง จิมเมืองสาพู้น พระยาฟ้างู้มจึงเอานางพันนางกอง หนีเมือชงเมือชวา อยู่บ่นานเท่าใด พระยาคำยอลวดตายในปีกดเสด จุฬสักราชได้ ๗๖๒ ตัวนั้นแล ด้วยแท้พระยายอเกิดมาได้ ๓๑ เข้า ได้เปนพระยาเล่าได้ ๑๙ เข้าตาแต่เกิดมาได้ ๕๐ ลวดตายปีนั้นแล ยามนั้นเมืองพวนหาคนเปนพระยาบ่ได้ ฟ้างุ้มลวดใส่หนามมากินที่นั้นถ้วนแล
๔๙
เมื่อนั้นคำผงอยู่แชภูมชนะกางพู้น จึงให้ลูกขุน ๔ คน เมือลอบอยู่ดอมขุนหมื่นทั้งหลาย ในเมืองชวาพู้น ผู้ ๑ ชื่อนายชิว ผู้ ๑ ชื่อเถ้าค้อ ผู้ ๑ ชื่อขุนตุม ผู้ ๑ ผาหวา เขาจึงเมืออยู่กับภูมใต้ภูมเหนือซ้ายขวาได้ ๓ ปี ยังมีวัน ๑ ฟ้างุ้มจึงเอาคนทั้งหลายไปเกี่ยวเข้านาไร่ ท่อยังมีจอนฟอนตัว ๑ แล่นเข้ารู แล้วมันลวดเรดขา ๒ อยู่ คน / ทั้งหลายคองตูงูเห่าหาคนไปใกล้บ่ได้ ขุนตุมจึงไปจองเอาได้จวนฟอน คนทั้งหลายจึงงืด ฟ้างุ้มจึงยินดี จึงเลี้ยงว่าให้กินที่ใดมันก็บ่กิน จึงขอกินเกินทั้งมวล ฟ้างุ้มจึงให้มันกินทั้งนายชิวแลเถ้าคองผาหวา เขากินดอมกิน เมื่อนั้นเขาเอาเกินแควนแรงนัก อันบ่ควรเอาเขาก็เอา เกินตับไก่เขาก็เอา ลวดใส่
๕๐
กวานมือชา ถือชาไปไวทาทุกแห่ง ให้เอาตับไก่ เมืองล้านช้างจึงหวานมือชาแต่นั้นเพื่อให้ได้ตับไก่มือชาหั้นแล เมื่อนั้นเขาผู้เอาก็กล่าวว่า ตูก็บ่อยากเอานาพระยาเจ้าหากจำตูเอาดาย ว่าดังนั้น ลวดเหลือใจชาวเมืองทั้งหลาย แม้นว่าฝิงแดดอุ่นก็เอาเกินผัวเมียมาใหมก็เอาเกิน เมื่อนั้นเสนาอามาดแลไพ่ฟ้าข้าไททั้งหลายพร้อมกันลวดขับฟ้างุ้มหนีจากเมือง เมือเพิ่งพระยาคำตันในเมืองน่านพู้น ปีก่าเป้า จุฬสักราชได้ ๗๖๕ ตัวนั้นแล เมื่อนั้นเขาทั้งหลายจึงเอาลูกฟ้างุ้ม ผู้ชื่อท้าวอุ่นเรือนนั้น อันใหย่มาได้ ๑๘ เข้า เขาจึงปลูกให้เปนพระยาแทนพ่อปีนั้น จึงให้ขับเอาหน่วยเบี้ยทั้งหลาย ฝูงอันเปน
๕๑
หินแล้ว เมือนั้นพระยา ๓ แสนไทจึงยินหมื่นแสนทั้งหลายว่าเมียปู่เราเจ้าคำผง พ่อเราฟ้างุ้มได้เอามาปางนั้น ที่นี้เราจักขึ้นแก่ปู่เราเจ้าคำผง ชอบไป่จา หมื่นแสนทั้งหลายว่าชอบแล้ว พระยาแสนจึงให้หาหมื่นสานทั้งเถ้าพันเยือเมือส่งว่าเขือจงเมือดอมคอบปู่เราเจ้าคำผงเทิน เมียปู่เรานางพันนางกองเราก็ขึนเมือหนีแล้ว ว่าดังนี้ จึงให้ช้างแม่พังรินขวี่มารอดเจ้าคำผงที่นั้นหั้นแล เมืองชวาทั้งหลายจึงยินดี แต่นั้นคำผงจึงคึดรักพระยา ๓ แสน จึงเล่าให้หมื่นสานทั้งเถ้าพันเยือ เอาก้องแขนคำหนัก ๔ เบี้ย เมือหาพระยา ๓ แสน ที่นั้นพระยา ๓ แสนจึงว่าขอบใจเราแล้ว เราจักคบคำบ้านคำเมืองแลชาว ว่าดังนี้พระยา ๓ แสนจึงเลาคำแจะได้ ๔ เบี้ยมาใส่เบ้าเดียวกันหก
๕๒
จึงตีเปนเสียนเปนหลาบสุพันนะบัดถะเมืองลาวให้ทงสองถือเงินคำก้ำ ๑ เมือง พวนให้หมื่นสานถือเงินคำก้ำ ๑ แล้วจึงตัดทันกลาง เงิน ๑ ไว้แก่พระยาแสน เงิน ๑ จึงเอามา แก่พระยาคำผง จึงกล่าวว่าข้อยมาเมืองใหส่งช้างตกทงใหขึนว่าดั่งนี้ จึงเอาควายเขางุ้มเขาเงียว มาข้ากินกลินกินเสงกันจึงยำเลือดยำอยางจึงเสดบัดเสดชื่อแก่กัน ว่าควายเขางุ้มรู้เงียวก็อย่าให้ลาวคดแก่พวน ควายเขาเงียวรูงุมก็อย่าให้ ลาวคดแก่พวน ควายเขาเงียวรูงุ้มก็อย่าให้พวนคดแก่ลาว คำกูคำแจะกลายเปนหอยเปนชืนก็อย่าให้คดแก่กัน เราคบเมืองปางนี้สูดชั่วลูก ไว้แก่หลาน บานลูนไว้แก่เหลนแก่หลอด เปนเมืองเดียวเกียว ๑ ไปอย่าคามาอย่าข้อง คำกองกินเมืองสาติวคำกินเมืองพาว นอมผากินภูควาย ก็ให้ปู่เราเจ้าคำผงเปนใหย่
๕๓
ไทลาวแท้ ชาวต่างเมืองมาอยู่บ่นับฝูงงอนข่าภูบ่นับ นับท่อไท ได้ ๓ แสนไท เหดดังนั้นคนทั้งหลาย จึงเปิกสาหาชื่อว่า ๓ แสนไทไตยะภูมมนาทิบติสีสตะนาคนหุตตเสวยสำปัตติแทนพ่อหั้นแล เมื่อนั้นเขาขุนตุมแลผาหวา จึงเมือไหว้พระยา ๓ แสนไทว่า เจ้าตูข้าชื่อท้าวคำผง พ่อพระยาเจ้าไปเลวปางนั้น ลวดหนีไปตกแชภูมชะนานกาง ยังอยู่เท้ากาละบัดนี้ดีหลีด่าย ขอพระยาเจ้ากรุณณาให้ไปเอาตูข้ามาแด ว่าดังนี้ เมื่อนั้นพระยา ๓ แสนไทจึงว่าเราเรียกปู่เราเจ้าคำผงตายเสียแล้ว มีรางว่ายังลือ เขาว่าเจ้าตูข้ายังอยู่แชภูมชะนานกางพู้นแล เมื่อนั้นพระยา๓ แสนไทจึงให้หมื่นรุรเอาขันเงินขันคำ ไปหาเจ้าคำผงรอด
๕๔
จิมโมจิมผา ไปรอดคำผง แชภูมชะนานกางว่าดังนี้ บัดนี้เจ้าตกยางกางเมืองหลานเจ้าพระยา ๓ แสนไทให้มาชูงชาหาเรียก เมือสู่เชียงหวงเชียงหวางหนี้แล เมื่อนั้นเจ้าคำผงจึงว่า ขอบใจหลานเราเจ้าพระยา ๓ แสนไทให้มาเรียกมาหาเราผู้ปู่ ส่วนจักเมือหนีแล้ว เมื่อนั้นเจ้าคำผงจึงออกมารอดเชียงหวาง ในปีเต่ายี จึงเมือเปนท้าวเปนพระยาแทนพ่อดังเก่า แล้วจึงให้หมื่นรุรทั้งหมื่นสารทั้งพันเยือ เอาเครื่องบันนาการเมือดอมหมื่นรุร จึงอำลาคาจากเมือรอดดงรอดชวา แล้วจึงเมือไหว้พระยา ๓ แสนไทว่าดังนี้ พระยาเจ้าให้ข้าผู้ปู่ ไปชุงชาหาเรียก ปูเจ้าคำผงก็มารอดบ้านรอดเมืองแล้ว ปู่เจ้าก็ขอบหมากเพิงใจ ยังให้หมื่นสานทั้งเถ้าพันเยือ มากับข้อย
๕๕
เมือปู่เราจงให้ลูกเจ้าลูกขุนมาไหว้เราเมืองสาเมืองพาวภูควาย ให้ชอยเส้นด้ายเส้นไหม เขือจงเอาความกูเมือเล่าแก่ปู่กูเจ้าคำผง ดังนี้เทอะ เมื่อนั้นหมื่นสารทั้งพันเยือจึงอำลาคาจาก จึงเอาความพระยาแสนมากล่าวแก่พระยาคำผง พระยาคำผงก็ขอบใจชู่ประการแล แต่นั้นบ้านเมืองดีลาเลิงเหิงนานหั้นแล พายหน้าแต่นั้นคำกองทาวเมืองสายังขัดดางอางแขง บ่สู้เทียวดงเทียวชวา ยังกล่าวคำกล้าคำแขงผิดใจพระยาแสน ที่นั้นพระยาแสนเล่าให้มากล่าวแก่เจ้าคำผง พระยาคำผงจึงให้ริพลไปผาบเอาจึงได้เชียงเชียนเชา จึงได้ข่อย ๕๐ เอาเมือให้แก่พระยาแสนขอบใจ จึงให้ชายอ้ายแกะมาตอบบ้านตอบเมืองแก่เจ้าคำผง ที่นั้นแล พายลุนยวนชาว
๕๖
เมืองพวงเมืองผา ยังเล่าขัดดางอางแขง พระยาแสนจึงให้หมื่นหมอกทั้งแสนอุ่น ไปรบบ่แพ้ พระยาแสนจึงให้มากล่าวแก่พระยาผงว่า ให้เลือกหาคนผู้กล้าผู้หานมาช่อยแด ว่าดั่งนั้นยามนั้นคนเสิกเมืองพวนได้ ๓ หมื่น พระยาคำผงจึงให้เลือกเอาคนกล้าคนหานผู้ยิ่งผู้ยวด แลหมื่นได้แลพัน จึงให้หมื่นสารแลเถ้าพันเยือ ถือคน ๓ พันนั้นไปช่อยจึงขึ้นเมือรอดเมืองพวงเมืองผา จึงเมือไหว้หมื่นหมอกทั้งแสนอุ่นว่าดั่งนี้ ตราบใดสูเจ้าพูงไป่แขงแทงไป่เข้าบัดนี้เจ้าพระยาแสนจงให่ตูข้อยมาช่อยรีช่อยพล ว่าดังนี้ หมื่นหมอกทั้งแสนอุ่น จึงเคียดว่ามีรางยังมีปีกมีหางบินเข้าเอาได้ดังแร้งดังการือ วันพูกนี้เราจักไปยวกยวนออกให้ยังรบ ว่าดังนี้อยู่วัน ๑ เขาจึงไปยวกยวนออกมา
๕๗
หมื่นสานทั้งพันเยือจึงเอาคนทั้ง ๓ พันไปรบแพ้ยวน ยวนจึงพ่ายเข้าเวียงหับปัดตูไว้ หมื่นสารผ่าเข้าเวียงได้ ยวนจึงแตก จึงได้ครัวพันอุ่นพันแพง ได้ทั้งเจ้าอ่อนหอสูงเอามอบแก่พระยาแสน พระยาแสนขอบหมกเพิงใจนัก จึงให้ช้างแสนสักทั้งข่อยกับม้า แก่เจ้าพระยาคำผงจึงให้พันสอง ผู้กินเมืองน้อยทั้งพันบอดผู้กินเมืองสี เอาพลไปรบแพ้จึงได้ครอบครัวงัวควายหมื่นสองจึงเอาเมือมอบแก่พระยาแสน พระยาแสนก็ขอบหมกเพิงใจ จึงให้นางงอมนอมม้าแก่พระยาคำผง จังให้เชียงคอบเชียงลวงดอมที่นั้นแล ขาเอานางงอมมารอดพระยาคำผงได้เดือน ๑ พระยาคำผงลวดตายในปีเปิกยีนั้นแล จุฬสักราชได้ ๗๖๐ ตัวนั้นแล ทั้งหลายจึงเอาเจ้า
๕๘
แจะเปนพระยาแทนพ่อปีนั้นแล ด้วยแท้พระยาคำผงเกิดปีก่ามด ใหย่มาได้ซาว ๘ เข้า พ่อลูกผิดกัน ลวดหนีเมือตกแชภูมชะนานกาง พ่อลวดตายลูนหลังปีนั้นอยู่ได้ ๓ ปีจึงได้มาเปนพระยาปีกาบยีเปน พระยาได้ซาว ๕ เข้า นับแต่ชาดมาได้ ๕๖ เข้าจึงตายในปีเปิกยีนั้นแล ทั้งหลายจึงเอาคำแจะมาเปนพระยาแทนปีนั้นแล ด้วยแท้คำแจะเกิดปีรับไส้ ใหย่มาได้ ๓๔ เข้าได้เปนพระยาแทนพ่อปีนั้น เปนพระยาแทนพ่อแล้วยังให้แม่ท่านผู้ชื่อนางพัน เอาน้องผู้ชื่อนางสีเมือมอบแก่พระยาแสน ก็ขอบใจจึงให้ขันเงิน๒ ขันคำ ๒ ให้ทั้งช้างแม่แพงให้นางพันขวี่มาแล เจ้าแจะเปนพระยาได้ ๘ เข้า นับแต่ชาดมาได้ ๔๒ เข้าลวดตายปีรับเร้า ท้าวคำ
๕๙
รองเกิดปีเมิงเหม้า ใหย่มาได้สิบ ๙ เข้าได้เปนพระยาแทนพ่อปีรับเร้า จุฬสักราชได้ ๗๖๗ ตัวปีนั้นแล เปนพระยาได้ ๖ ปี จึงมีลูกชายผู้ ๑ ชื่อว่าคำลอง ปีเปิกไจ้เมื่อท้าวเปนพระยาได้ ๑๒ เข้า พระยาแสนจึงมาให้กล่าวว่า ข้าพระสันก็บ่มี สินส่วยสินรานแก่เรานา ให้น้องเราเล่าขันอาสาแก่เราเปนดังปู่เราเจ้าคำผง อาสาปางเมืองพวงเมืองผาปางนั้นเทิน เราจักให้หมื่นแพนแสนหมากไปหีนแลว่าดังนั้น เจ้าพระยาคำรุ่งจึงแต่งริแต่งพลไปรบเชียงแลวก็แพ้ ยังได้ข่อยยิงสิบ ๖ คน จึงเอาเมือมอบแก่พระยาแสน พระยาแสนก็ขอบหมกขอบใจจึงว่าจักให้นางฟักแวนมาแก่พระยาคำรุงก็ไป่ทันแต่งทันดา เจ้าพระยาแสนเปนพระยาได้ ๔๓ เข้านับแต่ชาด
๖๐
ติมาได้ ๖๑ เข้าลวดตายในปีรวายสันนั้นแล เสนาอามาดทั้งหลาย จึงเอาเจ้าลานคำแดงเปนพระยาแทนพ่อปีนั้น จุฬสักราชได้ ๗๗๘ ตัวนั้นแล พระยาคำรวงยังให้ตูคอนคำหมื่นฟ้ามีไปเสียน้ำมูกน้ำตา ยังเอาควายเถิกควายแม่ทั้งช้างตัว ๑ ข้อย ๒ คนไปสู่ขวัญเจ้าล้านคำแดง เล่ายังคำร้อย ๑ ให้พอกชูงพอกคาว แล้วเขาจึงคืนมา พระยาล้านคำแดงยังให้เอาขันคำอัน ๑ แต่พ่อท่านมาแก่อาวทานเจ้าคำรอง แต่งให้ดูเหมือนหนาเอาทั้งช้างบูรมาทั้งข่อยม่าข่อยเมง มาเปนควานช้างแก่เจ้าคำรองที่นั้นแล แต่นั้นมาได้ ๖ เข้า พระยาคำรองเปนพระยาได้ ๑๗ เข้าลวดตาย ในปีร้วงเปล้านั้นแล เมื่อนั้นเจ้านางผมดำ อันเปนแม่เจ้าคำ
๖๑
กองยังให้เจ้าแสนทังหอพันหอหนามเมือยอเผินเขาเหลาแก่พระยาล้านคำแดงปางนั้น พระยาล้านคำแดงยังสั่งมาว่า สายเงินขาดให้เอาสายเงินต่อ สายคำขาดเอาสายคำต่อ พ่อตายเอาลูกอ้ายแทนเมืองว่าดั่งนี้ พระยาล้านคำแดงยังให้เอาเสื้อผ้า มาแกขาเจ้าแม่ลูก ทั้งก้องแขนคำคนคู่ กำเหลาคำคู่ ๑ มาแกขาเจ้าแม่ลูก หั้นแล เขารอดแล้วจึงเอาท้าวคำกองเปนพระยาแทนพ่อ ในปีร้วงเปล้า จุลลสังกราดได้ ๗๘๓ ตัวนั้นเจ้าคำกองจึงได้ ๑๔ เข้าแล ถัดนั้นพระยาล้านคำแดง เปนพระยาได้ ๑๒ เข้าลวดตายปีเมิงมดนั้นแล จุฬสักราชได้ ๗๘๙ ตัวนั้นแล ถัดนั้นเขาเล่าเอาพรหมทัดลูกท้าวคำแดง เปนพระยาแทนพ่อได้ ๖ เดือน
๖๒
ตายเสีย ถัดนั้นเขาเล่าเอาพระยาบา ลูก ๓ แสนไทมาแทน ยังให้ลามขีพูงเอาขันคำมาแกขาเจ้าแม่ลูก เล่าเอาขันมาแกเจ้าแสนที่นั้น พระยาบาเปนพระยาได้ ๕ เดือนเขาปลงเสีย ถัดนั้นเขาเล่าเอาพระยาหมื่นลูก ๓ แสนไทมาเปนพระยาแทนขาเจ้าแม่ลูกยังให้หมื่นแพนไปไหว้ยังให้ขันคำหนัก ๔ ร้อย ทั้งช้างบูรมา แก่ขาเจ้าแม่ลูก พระยาหมื่นเปนพระยาได้ ๖ เดือนก็ตายเสีย ถัดนั้นเขาเล่าเอาพระยาโค ลูกพระยาคีเปนหลาน ๓ แสนไท มาเปนพระยาแทน ยังให้ช้างกวงมาทั้งขันคำหน่วย ๑ หนัก๔ ร้อยมาแกขาเจ้าแม่ลูก ทั้งเมืองสูยมาอมเมืองที่นั้นแล ขาเจ้าแม่ลูกจึงให้หมื่นน้อยทังหอหลวงไปไหว้ที่นั้นแล พระยาไคเปนพระยาได้ ๓ ปีเล่าตายเสีย
๖๓
ถัดนั้นเขาเล่าเอาท้าวจิกคำลูก ๓ แสนไทผู้กินเชียงสามาเปนพระยาแทน ยังให้ทาวแล้วเอาขันคำหนัก ๓ ร้อยมาแกเจ้าแม่ลูกในปีเต่าไจ้ พายลูนมีพระยาจิกคำหากบ่ฟังถี่ลวดฟังความท้าวหนวดผู้เปนอาวเจ้าคำกองนั้นจึงให้หมื่นพวกมารบ แต่นั้นข้าไหลไทสานเสีย พระยาล้านคำกองจึงได้คาดบ้านคาดเมืองตกโมตกผาตกแชภูมชนานกางปางนั้น แม่เจ้าคำชื่อนางผมดำก็ตกดงตกชวา ทั้งเจ้าก็ตกปีก่าเปล้า จุฬสักราชได้ ๗ ร้อยเก้าสิบห้าตัวนั้นแล ที่นั้นลาวก็ให้ท้าวหนวดผู้เปนอาวเจ้าคำกองมากินเมืองพวนปางนั้นถ้วนแล เจ้านางผมดำหนีเมือเพิ่งพระยาจิกคำอยู่ได้ ๒ เดือน ๓ เดือน บ่รู้ข่าวลูกตนสักเทื่อ จึงไปหาเจ้าอาจานธัมมกัดถา
๖๔
ให้แปลงชาตาเอาแหวนลูก ๑ ถือคำ ๔ ร้อย บูชาเจ้าอาจานขอดชาตาแล้วจึงถวายว่า ชาตาลูกนี้ยังจักได้คืนมาเปนท้าวเปนพระยาอยู่ในเมืองปู่เมืองย่าก้ำเมืองพวนบ่อย่าชะแล ยังเจ็ดวันจักรู้ข่าวพอเที่ยงวันว่าดังนี้ เจ้านางเมืองเหืองแลเจ้าคำอุ่นเมือง ให้กวานเสือออนเอาเสื้อเจ้าคำกองมารอดเจ้านางผมดำ ผู้เปนแม่หั้นแล เมื่อนั้นเจ้านางผมดำ จึงเอาเสื้อเจ้าคำกองเมือหาพระยาจิกคำ พระยาจึงว่า เยียวว่าน้องกูตายเสียแล้วกีดาย บัดนี้ชาว่าน้องกูยังจักให้เมือขับท้าวหนวดหนีชะแล ว่าดังนั้นแล้วพระยาจิกคำจึงแต่งจ่าหมื่นหลวง ทั้งหมื่นรูย หมื่นลอ หมื่นยูเชียงรังเมือเลวจึงว่าแก่นางผมดำ ให้สั่งกวานเสือออนให้ว่าแก่น้องเราเจ้านาง
๖๕
เหืองแลเจ้าอุ่นเมืองให้แต่งพลพายเมืองพวน ผัดมื้อถือวันให้แก่กวานเสือออน ว่าดั่งนี้ เมื่อนั้นเจ้านางผมดำจึงสั่งกวานเสือออนชุประการแล้ว จึงให้มันมารอดขาเจ้านางเหืองแล คำอุ่นเมืองเล่าชุประการแล้ว ว่าขาเจ้าจึงแต่งหมื่นหลวงไปเอาเจ้าคำกองมา เขาอยู่ภายหลังจึงขับเอาริเอาพล มาไล่ท้าวหนวดหนี เมือรอดนาหูเมืองพามแล้ว เขาจึงข้าเสียหั้นแล เขาจึงเอาเจ้าคำกองมาเซาอยู่เชียงหีนหั้นแล วันประกอบจึงเอามาเปนพระยาบ่ได้รามปีเลย คันว่าเจ้าคำกองมารอดบ้านรอดเมืองแล้ว จึงเมือครอบพระยาจิกคำว่า น้องเจ้าบ่ได้เอาใจหลีกดงหลีกชวา ก็มารอดบ้านรอดเมืองแล้วว่าดังนี้ จึงเอาเจ้านางผมดำมา เมื่อนั้นเจ้านางผมดำจึงอำลาคาจาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น