ชื่อเรื่อง
กระบวนทัพของบูราณชื่อว่า
คลทชะพะยุหะ
ลิ้งค์
ต้นฉบับ http://www.laomanuscripts.net/lo/texts/30#3
รายละเอียด
ปีที่จาร คศ.
๑๙๑๗
/
อักษรลาวบูราณ
/
๑๒
หน้า /
สถานที่เก็บ
หอพิพิธภัณฑ์
หลวงพระบาง
เนื้อหาสรุป
เป็นเอกสารที่เจ้าอุปราชบุญคง
เขียนรายงานให้เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเกี่ยวกับเรื่องรูปแบบ
และวิธีการ ตลอดจนประวัติความเป็นมาของการจัดกระบวนทัพโบราณของลาว
ที่มีชื่อ
เรียกว่า "คชพยุหะ"
๑
เลกที
๗๙ /
๓๘๗
บูยโลโยทาทิการ //
วันที่
๒๙ เม ๑๙๑๗ //
เจ้ามหาอุปลาชะขอแสดงความคำนับเรียนมายัง
มองซิเออไมริเยโกสิมะแชแห่งกูแว
/(เยมอง?)
ซึ่งรักสาราชการเมืองหลวงพระบาง
ข้าพระเจ้าขอชี้แจงการกระบวนเดินกองทัพของ
บูลานชื่อว่าคลทชะพะยุหะดังมีกะ
/
บวนเดินทัพแจ้งต่อไปนี้
(๑)
คือกองหน้าพลเดินท้าว
๙๐๐ คือปืนใหย่ ๓ บอก ปืนนกสับ
๘๗ บอก ดาบโล้ ๘๗ คนทะนูเกลาทัน
๑๐๐ /
คน
หน้าไม้ ๑๐๐ คน หอกแลทวน ๕๐
คน ช้างรบ ๕ ช้าง มีปืนหลักหลังช้าง
ช้างละนึ่งบอก คนคี คอหนึ่งคน
/
ท้ายหนึ่งคนยิงปืน
๒ คนรวมเปนช้างละ ๔ คน
ทะหานม้าถือทวน ๑๐ ม้า
๒
(๒)
ปีกซ้ายของกองหน้า
มีพนเดินท้าว ๓๐๐ กับปืนใหญ่
๒ กะบอก ปืนนกสับ ๒๕
กะบอก โล้ดาบ ๒๕ คน ทะนูเกลาทัน
๑๐ คน หอกและทวน ๑๐ คน ช้างรบ
๓ ช้าง ม้ารบ ๕ /
ม้า
(๓)
ปีกขวาของกองหน้า
กระบวนทะหานก็มีคือกระบวนปีกซ้ายนี้
(๔)
กองเกียกกาย
กองทัส กองหน้ามีพนเดินท้าว
๙๐๐ คน ปืนใหย่ /
๔
บอก ปืนนกสับ ๗๘ คนทะหานดาบโล้
๗๘ คนทะนูเกลาทัน ๑๐๐ คน
หน้าไม้ ๑๐๐ คน ทะหานหอกทวนเดินท้าว
๘๐ คน ช้างรบ ๕ ช้าง ทะหานม้า
๑๐ ม้า (๕)
ปีกซ้ายกองเกียกกาย
พนเดินท้าว๓๕๐ คนปืนใหย่ ๓
บอก ปืนนกสับ ๓๐ ดาบโล้ ๓๐
ทะนูเกลาทัน ๑๕ หน้าไม้ ๑๕
ทะหานทวนเดินท้าว ๑๕ ทะหาน
๓
ช้าง
๕ ช้าง ทะหานม้า ๖ ม้า (๖)
ปีกขวาของกองเกียกกาย
กระบวนทะหานก็มีคือปีกซ้ายนั้น
(๗)
ปีกขวา
กองแม่ทัพ พนเดินท้าว ๓๐๐๐
คน ปืนใหย่ ๕ บอก ปืนขา /
นกยางหรือปืนหามแล่น
๑๐ บอก ปืนนกสับ ๒๐๐ ดาบโล้
๒๐๐ ทะนูเกลาทัน ๒๕ หน้าไม้
๒๕ ทะหานหอกแลทวน ...(ไม่ชัด)...
คน
ดาบ ๒ มือ ๑๐๐ /
คน
ช้างเขน ๑๐ ช้าง ทะหานม้า ๒๐
ม้า (๘)
ปีกซ้ายกองแม่ทัพ
พน ๔๐๐ คน ปืนใหย่ ๔ บอก ปืนนกสับ
๓๔ ดาบโล้ ๓๔ ทะนูเกลาทัน ๑๓
หน้า /
ไม้
๑๓ ทะหานหอกดาบทวนเดินท้าว
๑๒ ทะหานช้าง ๕ ช้าง ทะหานม้าถือทวน
๑๐ ม้า ปีกขวากองแม่ทัพ
ก็คือกะบวนปีกซ้ายนั้น (๑๐)
กองยกกละบัส
พน ๙๐๐
๔
คน
ปืนใหย่ ๔ บอก ปืนหามแล่น ๘
ปืนขานกยาง๑๐ บอก ปืนนกสับ
๗๘ ทะหานดาบโล้ ๗๘ คน ทะนูเกลาทัน
๑๐๐ คน หน้าไม้ ๑๐๐
คนทะหานทวนหอกเดินท้าว ๘๐
/
คน
ทะหานช้าง ๕ ช้างทะหานม้าถือทวน
๑๐ ม้า (๑๑)
ปีกซ้ายของกองยกกละบัส
พน ๓๕๐ ปืนใหย่ ๔ บอก ปืนนกสับ
๓๐ ดาบโล้ ๓๐ ทะนูเกลาทัน /
๑๕
หน้าไม้ ๑๕ ทะหานหอกทวนเดินท้าว
๑๕ ทะหานช้าง ๔ ช้าง ทะหานม้า
๖ ม้า (๑๒)
ปีกขวาของกองยกกละบัส
ทัพกะบวนของทะหานก็ /
คือกองปีกซ้ายนั้น
(๑๓)
กะบวนกองหลัง
พน ๙๐๐ คน ปืนใหย่ ๓ บอก ปืนนกสับ
๗๘ บอก ทะหานดาบโล้ ๗๘ ทะนูเกลาทัน
๑๐ หน้าไม้ ๑๐ ทะหานหอกแลทวนเดินท้าว
๕๐
๕
คน
ทะหานช้าง ๕ ช้าง ทะหานม้าถือทวน
๑๐ ม้า (๑๔)
กองปีกซ้ายของกองหลัง
พน ๓๐๐ คน ปืนใหย่ ๒ บอก ปืนนกสับ
๒๕ บอก ทะหานดาบโล้ ๒๕ คน
ทะนูเกลาทัน ๑๐ คน /
หน้าไม้
๑๐ คน ทะหานหอกแลทวนเดินท้าว
๑๐ คน ทะหานช้าง ๓ ช้าง
ทะหานม้าถือทวน ๕ ม้า (๑๕)
ปีกขวาของกองหลังกะบวนทะหานก็
/
คือกองปีกซ้ายนั้น
ในกระบวนทัพ ๕ คนมีนายนึ่ง
เอิ้นว่าหัว ๕ สองกองหัว ๕
มีหัวสิบนายนึ่ง เอิ้นว่านายหัวสิบ
๑๐ กองหัวสิบ เอิ้นว่านายหัวร้อย
๑๐ /
กองหัวร้อย
เอิ้นว่านายหัวพัน
เหมือนดังเมืองหัวพันทั้ง
๖
ดังนี้ถ้าเมืองหลวงเกิดมีทัพเสิกเมืองหัวพันใดต้องคุมทะหานมาช่วยเมืองหลวง
หัวพันละพันคน รวม ๖ พัน
๖
มีทะหาน
๖๐๐๐ จึ่งได้เอิ้นว่าเมืองหัวพันทั้ง
๖ คำซึ่งเอิ้นว่าหัวพันทั้ง
๕ ทั้ง ๖ นั้น เปนความมาจากเดิมใน
๖ หัวพันนั้น
เมืองหลวงยกเอาเมืองหัวเมืองเปนเมือง
/
หัวพันใหย่ให้เมืองห้าหัวพันนั้น
มาขึ้นอยู่กับเมืองหัวเมืองจึ่งได้เอิ้นว่า
หัวพันทั้ง ๕ ทั้ง ๖ เมือง
๑๒ จุ ก็คือกันทั้ง ๑๑ จุนั้นมา
/
รวมขึ้นกับเมืองแถง
รวมจึงเปน ๑๒
จุใหย่แต่เมืองอยู่ในปกครองหลวงพระบาง
จึงได้เอิ้นว่า๑๒ หน้าด่านจุใหย่
๖ หัวพันลาว ๘ เวียนพวนนี้
/
เปนหัวเมืองชั้นนอก
ของเมืองหลวงพระบาง
มาหัวเมืองชั้นกลางคือหัวพันเมืองขวา
//
งอย
หัวพันเมืองรูนเชียงรุ่ง
หัวพันน้ำบาก หัวพันน้ำงา
หัวพันบ้านแส้
๗
หัวพันปากแซง
หัวพันเมืองยู้ หัวพันด่านขวา
ดั่งนี้ความว่าหัวพันเมืองนั้น
//
นี้
นั้น เดิมแต่ก่อนเมืองหลวงเกิด
เสิกมาต้องคุมพลมาช่อยเมืองละพัน
จึงได้ /
เอิ้นว่า
หัวพัน ยสเขานั้นจะเทียบที่ทะหานก็คือ
เขาจะเปนยส ...(คอละแมนชู?)
หัวพัน
คันมาเมืองหลวงเปนราชการของเจ้าสุริยวงสา
คือพระบาทฟ้าเหลือม /
ได้เปนเจ้าชีวิตเมืองหลวง
ฝ่ายสยามให้เจ้าพระยาจักรีสุรสี
คือผู้เปนพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นมาตีเมืองเวียงจันทล
/
คั้งนางเขียวค้อม
ซึ่งเปนแม่เถ้าของเจ้าฟ้ามหามาลานีนั้น
เจ้าชีวิตสุริยะวง
ได้หลงแต่งให้พระยาสุพโพ
คุมพลรบ ๓๐๐๐ ไปช่วยสยามตีเมืองเวียงจันทล
ตั้งแต่นั้นต่อ
๘
มาราชการสยามจึงกำหนดว่า
ถ้าสยามมีเสิก เมืองหลวงต้องไปช่วยสยาม
๓๐๐๐ คน สยามจึงได้ให้ปืนคาบสีนลาแก่เมืองหลวง
๓๐๐๐ บอก ตั้งแต่นั้นมาเมืองหลวงจึงตั้งเปนกองไทยกลม
ไว้ ๓๐๐๐ คน คือทะหานหกเล่า
สำรับเมืองมา
จึงมาเลิกไทยกลมนี้ในเมื่อราชะกูแวเนอมองฝรั่งเสด
ไปปกครองหลวงพระ /
บางนี้
แลการเดินทัพของบูราณนี้
ต้องมีกอง ๓ หอก ๓ คน ไปก่อนหน้า
พอชั่วเสียงปืนได้ยินแล้ว
กอง ๗ หอกอีก ๗ คน จึงตามไปเพื่อสืบ
/
การร้ายดี
แล้วจึงแม่นกองหน้าเดินตามในป่า
๒ ข้าง ทางเดินทัพนั้น
ซ้ำมีกองเสือป่าอีกกองหนึ่งเดินลัดไปตามในป่า
แล้วซ้ำมีกองแมวมองตามกองเสือป่านั้นไป
๙
อีกกองหนึ่ง
เมื่อพบสัตรูในป่า
กองแมวมองจะได้ช่อยกองเสือป่าให้ทันกัน
ซึ่งกอง ๓ หอก กองเสือป่าแมวมองนี้
ต้องเปลี่ยนกันวันละ ๒ หรือ
๓ เทื่อ ทุกวัน /
ไปด้วยการบุป่าแลเดินหน้านั้น
เปนการเมื่อยหลายถ้าบ่หมั่นเปลี่ยนกัน
//
หมดความชี้แจงของข้าพระเจ้าแต่เท่านี้
//
เจ้ามหาอุปราชบุญคง
/
ความประกาสทัพของบูลานดั่งมีเนื้อความแจ้งต่อไปนี้
//
โสโส
รัตถะนังตะวังสูตวาชาวพ่อทะหานทั้งหลายเริย
/
จงพร้อมกันตั้ง
โสตะประสาท
คอยสะดับรับฟังเอายังคิริหะติสาติเตโชไชยสำรับพระพิไชยสงคราม
อันเคยประพลึดตามบูราณกานแต่ก่อนมา
บันดาชาวทะหานทั้งหลาย
๑๐
ทั้งนายแลไพร่
จงตั้งใจต่อองค์สมเด็จพระกรูณา
อาสา ทำราชการ
...(ไม่ชัด)...ได้เตือนสะติปันยาชาวทังหลาย
ให้ละมัดคิดบันยัดให้สามาด
นึ่งสัพพ /
สาตราสักดาวุด
อันเปนเครื่องพิไชยยุทธสำหรับรบของชาวเรา
เหล่าทะหารอย่าหลีกหลบสบเซาเหงานอน
จงคลาดตระกรุดเพชสมรโพกผ้าปละเจียกสวม
/
มงคล
ให้เสร็จสับตามพิไชยแบบสะบับโบราณมา
นึ่งนั้นระวังตรวจตรารักสาค่ายทั้งกองหลังหน้าซ้ายขวาในนอก
ดูเล่กนคนเขาอย่าวางใจมั่น
/
ถือก้องจูด กองไฟให้สว่าง
ทั้งปืนคาบสีนลาขานกยางแลปืนใหย่
ทั้งลูกดิน ..(ไม่ชัด)..
ไม้แส้ซากสำรับไว้ตามตำแน่ง
(เขนง?)
เต่าเต้าสะนวนสายตะพายแหล่งตาม
๑๑
กะบวน
หอกแหลมหลาวง้าวทวน
อย่าวางให้รางตัว
อย่าง่วมเหงาเมามัวสูประมาท
อย่าได้ทำขี้ขลาดให้เสียราชการไป
หนึ่งอัสถะวะลาคลชสานช้างม้าทั้งหลาย
/
นั้น
จงผูกไว้ให้มั่นประจำที่
ถ้าแม้นมีไพลีแปลกปลอมเข้ามา
เห็นข้าเสิกน้อยกว่าให้จับเอา
จับเอาเปนมิได้ ให้เอาตาย
เอาหัวมาถวาย /
ให้จงได้
เทอจะได้พระราชทานบำเหน็จรางวัล
ผ้าผ่อนแลเงินทอง สิ่งของตามประสง
ยสสักบริยงวงสามากมาย
ถ้าแม้นข้า /
เสิก
มากกว่าเราหลาย ให้โห้ร้องทุกกองทุกด้าน
หน้าท่านทะหานทั้งหลายเริย
ไชยะมังคะเลไชยะมังคะเลไชยะมังคะเล
พูทัง (ลูกทัพรับว่า)
สาลานังคัสสามิ
๑๒
จนทำมังสังคัง
แล้วผู้ปะกาสว่าอิติปิโส
(ลูกทัพรับว่า)
พะคะวา
เปนจบประกาส ทัพของบูราณแต่เท่านี้
ประกาสนี้เถิงเวลา ๘ โมงกางคืน
ต้องประกาสทุกคืน
ດີຫຼາຍອ້າຍ ນ້ອງເອງກໍບໍ່ເຄີຍຮູ້ມາກ່ອນ ຂອບໃຈຫຼາຍໆທີ່ແບ່ງປັນ
ตอบลบ