วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

กระบวนทัพของบูราณชื่อว่า คลทชะพะยุหะ

ชื่อเรื่อง         กระบวนทัพของบูราณชื่อว่า คลทชะพะยุหะ
ลิ้งค์ ต้นฉบับ   http://www.laomanuscripts.net/lo/texts/30#3
รายละเอียด    ปีที่จาร คศ. ๑๙๑๗ / อักษรลาวบูราณ / ๑๒ หน้า / สถานที่เก็บ หอพิพิธภัณฑ์ 
                       หลวงพระบาง
เนื้อหาสรุป     เป็นเอกสารที่เจ้าอุปราชบุญคง เขียนรายงานให้เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสเกี่ยวกับเรื่องรูปแบบ
                      และวิธีการ ตลอดจนประวัติความเป็นมาของการจัดกระบวนทัพโบราณของลาว ที่มีชื่อ
                      เรียกว่า "คชพยุหะ" 


 
เลกที ๗๙ / ๓๘๗ บูยโลโยทาทิการ // วันที่ ๒๙ เม ๑๙๑๗ // เจ้ามหาอุปลาชะขอแสดงความคำนับเรียนมายัง มองซิเออไมริเยโกสิมะแชแห่งกูแว /(เยมอง?) ซึ่งรักสาราชการเมืองหลวงพระบาง ข้าพระเจ้าขอชี้แจงการกระบวนเดินกองทัพของ บูลานชื่อว่าคลทชะพะยุหะดังมีกะ / บวนเดินทัพแจ้งต่อไปนี้ () คือกองหน้าพลเดินท้าว ๙๐๐ คือปืนใหย่ ๓ บอก ปืนนกสับ ๘๗ บอก ดาบโล้ ๘๗ คนทะนูเกลาทัน ๑๐๐ / คน หน้าไม้ ๑๐๐ คน หอกแลทวน ๕๐ คน ช้างรบ ๕ ช้าง มีปืนหลักหลังช้าง ช้างละนึ่งบอก คนคี คอหนึ่งคน / ท้ายหนึ่งคนยิงปืน ๒ คนรวมเปนช้างละ ๔ คน ทะหานม้าถือทวน ๑๐ ม้า
() ปีกซ้ายของกองหน้า มีพนเดินท้าว ๓๐๐ กับปืนใหญ่ ๒ กะบอก ปืนนกสับ ๒๕ กะบอก โล้ดาบ ๒๕ คน ทะนูเกลาทัน ๑๐ คน หอกและทวน ๑๐ คน ช้างรบ ๓ ช้าง ม้ารบ ๕ / ม้า () ปีกขวาของกองหน้า กระบวนทะหานก็มีคือกระบวนปีกซ้ายนี้ () กองเกียกกาย กองทัส กองหน้ามีพนเดินท้าว ๙๐๐ คน ปืนใหย่ / ๔ บอก ปืนนกสับ ๗๘ คนทะหานดาบโล้ ๗๘ คนทะนูเกลาทัน ๑๐๐ คน หน้าไม้ ๑๐๐ คน ทะหานหอกทวนเดินท้าว ๘๐ คน ช้างรบ ๕ ช้าง ทะหานม้า ๑๐ ม้า () ปีกซ้ายกองเกียกกาย พนเดินท้าว๓๕๐ คนปืนใหย่ ๓ บอก ปืนนกสับ ๓๐ ดาบโล้ ๓๐ ทะนูเกลาทัน ๑๕ หน้าไม้ ๑๕ ทะหานทวนเดินท้าว ๑๕ ทะหาน
ช้าง ๕ ช้าง ทะหานม้า ๖ ม้า () ปีกขวาของกองเกียกกาย กระบวนทะหานก็มีคือปีกซ้ายนั้น () ปีกขวา กองแม่ทัพ พนเดินท้าว ๓๐๐๐ คน ปืนใหย่ ๕ บอก ปืนขา / นกยางหรือปืนหามแล่น ๑๐ บอก ปืนนกสับ ๒๐๐ ดาบโล้ ๒๐๐ ทะนูเกลาทัน ๒๕ หน้าไม้ ๒๕ ทะหานหอกแลทวน ...(ไม่ชัด)... คน ดาบ ๒ มือ ๑๐๐ / คน ช้างเขน ๑๐ ช้าง ทะหานม้า ๒๐ ม้า () ปีกซ้ายกองแม่ทัพ พน ๔๐๐ คน ปืนใหย่ ๔ บอก ปืนนกสับ ๓๔ ดาบโล้ ๓๔ ทะนูเกลาทัน ๑๓ หน้า / ไม้ ๑๓ ทะหานหอกดาบทวนเดินท้าว ๑๒ ทะหานช้าง ๕ ช้าง ทะหานม้าถือทวน ๑๐ ม้า ปีกขวากองแม่ทัพ ก็คือกะบวนปีกซ้ายนั้น (๑๐) กองยกกละบัส พน ๙๐๐
คน ปืนใหย่ ๔ บอก ปืนหามแล่น ๘ ปืนขานกยาง๑๐ บอก ปืนนกสับ ๗๘ ทะหานดาบโล้ ๗๘ คน ทะนูเกลาทัน ๑๐๐ คน หน้าไม้ ๑๐๐ คนทะหานทวนหอกเดินท้าว ๘๐ / คน ทะหานช้าง ๕ ช้างทะหานม้าถือทวน ๑๐ ม้า (๑๑) ปีกซ้ายของกองยกกละบัส พน ๓๕๐ ปืนใหย่ ๔ บอก ปืนนกสับ ๓๐ ดาบโล้ ๓๐ ทะนูเกลาทัน / ๑๕ หน้าไม้ ๑๕ ทะหานหอกทวนเดินท้าว ๑๕ ทะหานช้าง ๔ ช้าง ทะหานม้า ๖ ม้า (๑๒) ปีกขวาของกองยกกละบัส ทัพกะบวนของทะหานก็ / คือกองปีกซ้ายนั้น (๑๓) กะบวนกองหลัง พน ๙๐๐ คน ปืนใหย่ ๓ บอก ปืนนกสับ ๗๘ บอก ทะหานดาบโล้ ๗๘ ทะนูเกลาทัน ๑๐ หน้าไม้ ๑๐ ทะหานหอกแลทวนเดินท้าว ๕๐
คน ทะหานช้าง ๕ ช้าง ทะหานม้าถือทวน ๑๐ ม้า (๑๔) กองปีกซ้ายของกองหลัง พน ๓๐๐ คน ปืนใหย่ ๒ บอก ปืนนกสับ ๒๕ บอก ทะหานดาบโล้ ๒๕ คน ทะนูเกลาทัน ๑๐ คน / หน้าไม้ ๑๐ คน ทะหานหอกแลทวนเดินท้าว ๑๐ คน ทะหานช้าง ๓ ช้าง ทะหานม้าถือทวน ๕ ม้า (๑๕) ปีกขวาของกองหลังกะบวนทะหานก็ / คือกองปีกซ้ายนั้น ในกระบวนทัพ ๕ คนมีนายนึ่ง เอิ้นว่าหัว ๕ สองกองหัว ๕ มีหัวสิบนายนึ่ง เอิ้นว่านายหัวสิบ ๑๐ กองหัวสิบ เอิ้นว่านายหัวร้อย ๑๐ / กองหัวร้อย เอิ้นว่านายหัวพัน เหมือนดังเมืองหัวพันทั้ง ๖ ดังนี้ถ้าเมืองหลวงเกิดมีทัพเสิกเมืองหัวพันใดต้องคุมทะหานมาช่วยเมืองหลวง หัวพันละพันคน รวม ๖ พัน
มีทะหาน ๖๐๐๐ จึ่งได้เอิ้นว่าเมืองหัวพันทั้ง ๖ คำซึ่งเอิ้นว่าหัวพันทั้ง ๕ ทั้ง ๖ นั้น เปนความมาจากเดิมใน ๖ หัวพันนั้น เมืองหลวงยกเอาเมืองหัวเมืองเปนเมือง / หัวพันใหย่ให้เมืองห้าหัวพันนั้น มาขึ้นอยู่กับเมืองหัวเมืองจึ่งได้เอิ้นว่า หัวพันทั้ง ๕ ทั้ง ๖ เมือง ๑๒ จุ ก็คือกันทั้ง ๑๑ จุนั้นมา / รวมขึ้นกับเมืองแถง รวมจึงเปน ๑๒ จุใหย่แต่เมืองอยู่ในปกครองหลวงพระบาง จึงได้เอิ้นว่า๑๒ หน้าด่านจุใหย่ ๖ หัวพันลาว ๘ เวียนพวนนี้ / เปนหัวเมืองชั้นนอก ของเมืองหลวงพระบาง มาหัวเมืองชั้นกลางคือหัวพันเมืองขวา // งอย หัวพันเมืองรูนเชียงรุ่ง หัวพันน้ำบาก หัวพันน้ำงา หัวพันบ้านแส้
หัวพันปากแซง หัวพันเมืองยู้ หัวพันด่านขวา ดั่งนี้ความว่าหัวพันเมืองนั้น // นี้ นั้น เดิมแต่ก่อนเมืองหลวงเกิด เสิกมาต้องคุมพลมาช่อยเมืองละพัน จึงได้ / เอิ้นว่า หัวพัน ยสเขานั้นจะเทียบที่ทะหานก็คือ เขาจะเปนยส ...(คอละแมนชู?) หัวพัน คันมาเมืองหลวงเปนราชการของเจ้าสุริยวงสา คือพระบาทฟ้าเหลือม / ได้เปนเจ้าชีวิตเมืองหลวง ฝ่ายสยามให้เจ้าพระยาจักรีสุรสี คือผู้เปนพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกขึ้นมาตีเมืองเวียงจันทล / คั้งนางเขียวค้อม ซึ่งเปนแม่เถ้าของเจ้าฟ้ามหามาลานีนั้น เจ้าชีวิตสุริยะวง ได้หลงแต่งให้พระยาสุพโพ คุมพลรบ ๓๐๐๐ ไปช่วยสยามตีเมืองเวียงจันทล ตั้งแต่นั้นต่อ
มาราชการสยามจึงกำหนดว่า ถ้าสยามมีเสิก เมืองหลวงต้องไปช่วยสยาม ๓๐๐๐ คน สยามจึงได้ให้ปืนคาบสีนลาแก่เมืองหลวง ๓๐๐๐ บอก ตั้งแต่นั้นมาเมืองหลวงจึงตั้งเปนกองไทยกลม ไว้ ๓๐๐๐ คน คือทะหานหกเล่า สำรับเมืองมา จึงมาเลิกไทยกลมนี้ในเมื่อราชะกูแวเนอมองฝรั่งเสด ไปปกครองหลวงพระ / บางนี้ แลการเดินทัพของบูราณนี้ ต้องมีกอง ๓ หอก ๓ คน ไปก่อนหน้า พอชั่วเสียงปืนได้ยินแล้ว กอง ๗ หอกอีก ๗ คน จึงตามไปเพื่อสืบ / การร้ายดี แล้วจึงแม่นกองหน้าเดินตามในป่า ๒ ข้าง ทางเดินทัพนั้น ซ้ำมีกองเสือป่าอีกกองหนึ่งเดินลัดไปตามในป่า แล้วซ้ำมีกองแมวมองตามกองเสือป่านั้นไป
อีกกองหนึ่ง เมื่อพบสัตรูในป่า กองแมวมองจะได้ช่อยกองเสือป่าให้ทันกัน ซึ่งกอง ๓ หอก กองเสือป่าแมวมองนี้ ต้องเปลี่ยนกันวันละ ๒ หรือ ๓ เทื่อ ทุกวัน / ไปด้วยการบุป่าแลเดินหน้านั้น เปนการเมื่อยหลายถ้าบ่หมั่นเปลี่ยนกัน // หมดความชี้แจงของข้าพระเจ้าแต่เท่านี้ // เจ้ามหาอุปราชบุญคง / ความประกาสทัพของบูลานดั่งมีเนื้อความแจ้งต่อไปนี้ // โสโส รัตถะนังตะวังสูตวาชาวพ่อทะหานทั้งหลายเริย / จงพร้อมกันตั้ง โสตะประสาท คอยสะดับรับฟังเอายังคิริหะติสาติเตโชไชยสำรับพระพิไชยสงคราม อันเคยประพลึดตามบูราณกานแต่ก่อนมา บันดาชาวทะหานทั้งหลาย
๑๐
ทั้งนายแลไพร่ จงตั้งใจต่อองค์สมเด็จพระกรูณา อาสา ทำราชการ ...(ไม่ชัด)...ได้เตือนสะติปันยาชาวทังหลาย ให้ละมัดคิดบันยัดให้สามาด นึ่งสัพพ / สาตราสักดาวุด อันเปนเครื่องพิไชยยุทธสำหรับรบของชาวเรา เหล่าทะหารอย่าหลีกหลบสบเซาเหงานอน จงคลาดตระกรุดเพชสมรโพกผ้าปละเจียกสวม / มงคล ให้เสร็จสับตามพิไชยแบบสะบับโบราณมา นึ่งนั้นระวังตรวจตรารักสาค่ายทั้งกองหลังหน้าซ้ายขวาในนอก ดูเล่กนคนเขาอย่าวางใจมั่น / ถือก้องจูด กองไฟให้สว่าง ทั้งปืนคาบสีนลาขานกยางแลปืนใหย่ ทั้งลูกดิน ..(ไม่ชัด).. ไม้แส้ซากสำรับไว้ตามตำแน่ง (เขนง?) เต่าเต้าสะนวนสายตะพายแหล่งตาม
๑๑
กะบวน หอกแหลมหลาวง้าวทวน อย่าวางให้รางตัว อย่าง่วมเหงาเมามัวสูประมาท อย่าได้ทำขี้ขลาดให้เสียราชการไป หนึ่งอัสถะวะลาคลชสานช้างม้าทั้งหลาย / นั้น จงผูกไว้ให้มั่นประจำที่ ถ้าแม้นมีไพลีแปลกปลอมเข้ามา เห็นข้าเสิกน้อยกว่าให้จับเอา จับเอาเปนมิได้ ให้เอาตาย เอาหัวมาถวาย / ให้จงได้ เทอจะได้พระราชทานบำเหน็จรางวัล ผ้าผ่อนแลเงินทอง สิ่งของตามประสง ยสสักบริยงวงสามากมาย ถ้าแม้นข้า / เสิก มากกว่าเราหลาย ให้โห้ร้องทุกกองทุกด้าน หน้าท่านทะหานทั้งหลายเริย ไชยะมังคะเลไชยะมังคะเลไชยะมังคะเล พูทัง (ลูกทัพรับว่า) สาลานังคัสสามิ
๑๒
จนทำมังสังคัง แล้วผู้ปะกาสว่าอิติปิโส (ลูกทัพรับว่า) พะคะวา เปนจบประกาส ทัพของบูราณแต่เท่านี้ ประกาสนี้เถิงเวลา ๘ โมงกางคืน ต้องประกาสทุกคืน


 

1 ความคิดเห็น:

  1. ດີຫຼາຍອ້າຍ ນ້ອງເອງກໍບໍ່ເຄີຍຮູ້ມາກ່ອນ ຂອບໃຈຫຼາຍໆທີ່ແບ່ງປັນ

    ตอบลบ